“สมคิด” ขีดเส้น 3 เดือนเด้ง! ผู้บริหารทำงานไม่เข้าเป้า จี้บินไทยส่งแผนซื้อเครื่องบินใหม่ในสิ้นปี 61 ด้านประธานบอร์ด เขย่าแผนซื้ออาจไม่ใช่แสนล้าน “ดีดี” คุยโว! ล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยงปี 65 พร้อมกลับมาเป็น 1 ใน 5 สายการบินชั้นนำระดับโลก จับมือ 4 รัฐวิสาหกิจดันการท่องเที่ยวโต รุกตลาดเมืองรอง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานงานเสวนา “สานพลังพันธมิตร เพื่อไทยก้าวไกลอย่างยั่งยืน” โดยมีผู้บริหารสูงสุดของ 4 รัฐวิสาหกิจร่วมเสวนา ว่า การมาร่วมเสวนาครั้งนี้เพื่อให้พนักงานของการบินไทยทั่วโลก, ผู้บริหารการบินไทย ทุกคนได้รู้ยุทธศาสตร์การบริหารงานของการบินไทยที่ต้องเดินไปข้างหน้า และให้เห็นว่าทุกคนต้องมีส่วนร่วมที่จะผลักดันบริษัทไปด้วยกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง นอกจากนั้นยังได้เห็นถึงความร่วมมือกันทางธุรกิจระหว่างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวเนื่องกันทางธุรกิจทางการบิน ทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) การบินไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และธนาคารกรุงไทย ที่จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน
“รัฐบาลมองว่าการบินไทยยังเป็นสายการบินชั้นนำของไทย เนื่องจากว่า ได้เห็นถึงแผนยุทธศาสตร์ที่เสนอให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้วพบว่า การบินไทยยังมีโอกาสฟื้น ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังไปได้ดี และเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนก็เติบโต ทั้งหมดนี้จึงเป็นโอกาสของการบินไทย”
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน เป้าหมายของการก้าวมาเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะทำให้การบินไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป้าหมายนี้มีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยต่อเนื่องกว่า 45-50 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเที่ยวบินที่เข้ามาใช้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิสูงกว่า 100,000 เที่ยวบินต่อปี ส่วนปัญหาขาดทุนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะธุรกิจสายการบินเป็นธุรกิจระยะยาว ต้องต่อสู้ด้วยยุทธศาสตร์ ผมไม่พอใจเรื่องรายได้ที่มีอยู่ของการบินไทย ดังนั้นการบินไทยจะต้องมียุทธศาสตร์ที่จะหารายได้เพิ่ม เครื่องบินที่ให้บริการต้องดี การวางเส้นทางการบินต้องให้มีความเหมาะสมกับเครื่องบิน ขนาดของเครื่องบิน ซึ่งปัจจัยต่างๆจะมาเป็นส่วนประกอบของการพิจารณาตัดสินใจซื้อฝูงบินได้ง่ายขึ้น ว่าจะซื้ออย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ภายใน 3 เดือนนี้หรือภายในสิ้นปี 61 นี้ การบินไทยต้องมีคำตอบเรื่องจัดซื้อเครื่องบิน และตอนนี้เหลือเวลาไม่มากเพราะกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้นจึงให้เวลาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการบินไทยที่สะสมมานาน อยากให้คำนึงว่าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของรัฐบาล แต่ยังเป็นเวลาเหลือเฟือสำหรับการโยกย้ายหากทำงานไม่ดี เช่น นโยบายท่องเที่ยวเมืองรอง ทำมา 1 ปีไม่เป็นรูปธรรม หากที่เหลือทำได้ดีก็ไปต่อ หากไม่เห็นผลก็ไปที่อื่น
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานบอร์ด การบินไทย เปิดเผยถึงแผนการจัดซื้อเครื่องบิน 23 ลำ มูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาทว่า จะต้องกลับไปหารือร่วมกับการบินไทยเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ตามแผนฟื้นฟูการบินไทยใหม่ ทั้งในเรื่องของการจัดเส้นทางบิน ชนิดเครื่องบิน ระยะทางการทำการบิน เพื่อประกอบการจัดซื้อเครื่องบิน ซึ่งแผนการจัดซื้อเครื่องบินอาจจะไม่ใช่วงเงินแสนล้านบาทแล้ว และอาจจะไม่ใช่ 23 ลำตามเดิม ส่วนแหล่งเงินยังบอกไม่ได้ว่าจะนำมาจากที่ไหน โดยจะต้องปรับแผนยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ตามที่ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้ แต่คาดว่าจะทำเสร็จก่อน”
ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินรุนแรง โดยในปี 56 การบินไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 37% แต่ผ่านมา 5 ปี ถึงปี 61 สัดส่วนลดลงเหลือแค่ 27.3% ซึ่งหากการบินไทยไม่มีการซื้อเครื่องบินมาเพิ่มจะทำให้ส่วนแบ่งของสายการบินแห่งชาติลดลงเหลือ 10% ภายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะหายไปในที่สุด ดังนั้นหากจัดซื้อเครื่องบินอาจจะมากกว่าแสนล้านก็ได้
ทั้งนี้การบินไทยยังอยู่ในช่วงของการแข่งขันได้ และอัตราการบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ 80% ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมวางยุทธศาสตร์ 5 ด้าน โดยตั้งเป้าหมายที่จะหยุดขาดทุนสะสม และกลับมาเป็นสายการบินชั้นนำ 1 ใน 5 ของโลกได้ในปี 65 และจะมีกำไรอย่างยั่งยืน และขยายธุรกิจเป็นกลุ่มธุรกิจการบินของเอเชียที่เป็นผู้นำในเรื่องการขนส่งผู้โดยสาร ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ขนส่งสินค้าภายในปี 70.