เฮ! K Beauty Story แบรนด์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเกาหลีใต้ เตรียมส่งถึงมือคนไทย

เพื่อความงาม!! 'เค บิวตี้ สตอรี่' แฟล็กชิพบิวตี้สโตร์แห่งใหม่เจ้าเดียวที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ความงามสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง British M, Grinif, MustaeV, Numink, Pluskin, TheChe:on, ATS, VT Cosmetics รวมพลจัดเต็ม ถึงมือคนไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ได้รับความนิยมในเกาหลีใต้ การันตีคุณภาพโดยศิลปิน K-POP ช่างแต่งหน้า และช่างทำผมชื่อดังของเกาหลี พร้อมให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ความงามสุดเอ็กซ์คลูซีฟ...

นายคิม ฮยอง ชอล ผู้บริหาร K beauty story (เค บิวตี้ สตอรี่) กล่าวว่า การเปิด K beauty story (เค บิวตี้ สตอรี่) ที่ประเทศไทยจะทำให้เป็นแฟล็กชิพบิวตี้สโตร์ รูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีในเมืองไทย เรารวบรวมเฉพาะสินค้าที่ได้รับมาตรฐานมีคุณภาพระดับสูง และเป็นสินค้าที่คนเกาหลีนิยมใช้ ซึ่งไม่ใช่แค่คนเกาหลีทั่วไป แต่เป็นสินค้าที่ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมชื่อดังของเกาหลีเลือกใช้ให้กับดาราและศิลปินเกาหลีอีกด้วย ซึ่งเราถือเป็นรูปแบบใหม่ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากแฟล็กชิพบิวตี้สโตร์ที่อื่นๆ เพราะเรามีกลิ่นอายของ K-POP ซึ่งกระแส K-POP เป็นเรื่องที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว พอนำเอา K-POP กับ K BEAUTY มาผสมกัน เชื่อว่าคนไทยจะเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น และพื้นที่ขายในร้านเราไม่ได้เน้นเรื่องการขายของเพียงอย่างเดียว แต่เน้นไปถึงเรื่องการได้มาสัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมเกาหลี มีการเปิดเพลงและ MV K-POP มีการตกแต่งร้านด้วย CD ของศิลปิน K-POP ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับสินค้าที่วางขายในช็อป รวมถึงมีการให้ความรู้พนักงานขายให้สามารถคอยแนะนำสินค้าภายในร้านได้อย่างถูกต้อง และให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าโดยการเตรียมแท็บเล็ตไว้ให้ตามชั้นวางสินค้า เพื่อเป็นการช่วยอธิบายสรรพคุณสินค้าต่างๆ แทนพนักงาน

"การที่เลือกเปิดที่ประเทศไทยเป็นที่แรก เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของทวีปเซาธ์อีสต์เอเชีย ตลาดบิวตี้เกาหลีมีเยอะอยู่แล้ว แต่ทางประเทศไทยมีโอกาสเติบโตพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเติบโตขึ้นได้มากกว่านี้ และตลาดบิวตี้ยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยังสามารถขยายตลาดออกไปได้อีก และที่เราเลือกเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เพราะซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่อยู่คู่กับคนไทยมานาน มีลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรามาเดินค่อนข้างเยอะ กลุ่มลูกค้าของเราเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากสินค้าของเรามีราคากลางๆ ไม่ได้มีราคาสูงมาก และนอกจากกลุ่มทั่วไปแล้ว เรายังมองไปถึงกลุ่มช่างแต่งหน้าในเมืองไทยด้วย หากสาขาแรกประสบความสำเร็จ ก็จะขยายสาขาออกไปทางเส้นสุขุมวิท เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวและลูกค้าคนไทยในย่านนั้นด้วย และในอนาคตอันใกล้นี้ เรามีแพลนที่จะขยายตลาดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะมีการขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ และอินสตาแกรมของตัวเอง รวมถึงเข้าไปขายในแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในเมืองไทย"

ในส่วนของการเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่ายนั้น เบื้องต้นสินค้าทั้ง 8 แบรนด์ที่นำเข้ามาขายใน K Beauty Story เราเป็นเจ้าเดียวที่ได้รับสิทธิ์ที่ถูกต้องในการนำเข้ามาขายในประเทศไทย อาจจะมีบางกลุ่มที่ไปหิ้วกลับมาขายจากเกาหลีบ้าง แต่ในเรื่องของราคาเรามั่นใจว่าเราถูกกว่า และการันตีคุณภาพสินค้าได้ด้วย สินค้าที่อยู่ภายใต้ชื่อของเราทุกชิ้นได้รับการรับรองความปลอดภัยทั้งจากประเทศเกาหลีใต้ และ อย. ไทย โดยสินค้าที่เรานำเข้ามาขายเราจะไม่เน้นที่ปริมาณ แต่เราเน้นที่คุณภาพ แต่ละประเภทของสินค้าเราจะคัดที่ดีที่สุดมาเพียง 1 แบรนด์ เช่น อายแชโดว์ ก็จะมีตัวท็อป ดีที่สุด วางขายในช็อปเพียงตัวเดียวเท่านั้น และเร็วๆ นี้ เราจะมีการเชิญช่างแต่งหน้า ชื่อดังจากเกาหลี มาจัดกิจกรรม Beauty Class อัพเดตเทรนด์แต่งหน้าสไตล์เกาหลี โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าทั่วไปที่มาซื้อสินค้าที่ช็อป รวมถึงลูกค้าที่เป็นช่างแต่งหน้าที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม มาทำเวิร์กช็อปด้วยกัน.