นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา “Thailand-China Business Forum 2018 : Comprehensive Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC” ว่า ซาบซึ้งในน้ำใจของนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่นำคณะนักธุรกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นคณะที่ยิ่งใหญ่มาเยือนประเทศไทยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นลึกซึ้งระหว่างไทย-จีน ที่พร้อมจะสนับสนุนความร่วมมือกันในทุกมิติ
“ประเทศจีนก้าวสู่การเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ เป็นเครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และขอชื่นชมจีนที่แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเจริญสู่ชนบทให้ก้าวขึ้นสู่คนชั้นกลางใหม่มากขึ้น มีกำลังซื้อสูงเป็นอำนาจซื้อใหม่ที่ยิ่งใหญ่ของโลก พร้อมทั้งมีนวัตกรรมที่หลากหลาย มีรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจยุคใหม่ ยากจะหาใครมาเปรียบเทียบได้ มั่นใจว่า ไทยและจีนจะร่วมกันสร้างเครือข่ายทางการค้าการลงทุน ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม”
ทั้งนี้ไทยพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) กับประเทศจีน และต้องการเชิญชวนให้จีนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนพัฒนาภูมิภาคนี้ร่วมกัน เพราะกลุ่มประเทศที่อยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ถือเป็นหัวใจที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค และเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงเติบโตมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเกิน 7%
ด้านนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า จีนยินดีส่งเสริมความร่วมมือกับไทยภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศตามข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง สนับสนุนวิสาหกิจและองค์กรการเงินของจีนที่มีศักยภาพและน่าเชื่อถือเข้ามาลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และพยายามบรรลุเป้าหมายยอดมูลค่าการค้าทวิภาคีให้ได้ 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2564 จากปัจจุบันอยู่ที่ 73,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังจะขยายความร่วมมือทั้งด้านการเกษตรเชิงนิเวศ อุตสาหกรรมดิจิทัล บริการท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น.