นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายโทชิมิตสึ โมเทกิ รัฐมนตรีประจำสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งรับผิดชอบนโยบายด้านเศรษฐกิจและการคลังเข้าพบว่า ได้หารือถึงการเข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งนายโทชิมิตสึได้ตระเวนหารือกับประเทศต่างๆที่สนใจเข้าร่วมทีพีพี และได้แจ้งกับทางญี่ปุ่นไปว่า ในส่วนของรัฐบาลไทยนั้น มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการค้าเสรี ซึ่งในอนาคตการค้าเสรีจะเป็นสิ่งสำคัญ และยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจที่เข้าร่วมทีพีพี และหวังว่าญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนไทยในการเข้าร่วมและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกข้อตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าทรานส์-แปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) ซึ่งมี 11 ชาติสมาชิกร่วมลงนามในข้อตกลงไปก่อนหน้านี้ หรือที่เรียกว่าทีพีพี 11 อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศมีข้อจำกัด ซึ่งจะต้องหารือร่วมกัน ทั้งไทยและญี่ปุ่นยังมีเวลาถึงต้นปีหน้าที่จะศึกษาประเด็นที่อ่อนไหวและหาทางแก้ไขร่วมกัน เช่น เรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ไทยห่วงเรื่องการตัดต่อพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอเป็นต้น
“ในอดีตการเจรจาการค้าจะเป็นเรื่องอุตสาหกรรมเดิมๆ หรือการเกษตร แต่ในอนาคตข้างหน้ากำลังไปสู่ยุคดิจิทัลและธุรกิจภาคบริการ ทั้งเรื่องบิ๊กดาต้า Internet of Things (ไอโอที) ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ดังนั้น ไทยและญี่ปุ่นจึงควรวางรากฐานร่วมกันมากกว่าจะพูดถึงเรื่องอดีต เช่น เรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์เพียงอย่างเดียว และการเปิดการค้าเสรีเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่เข้าร่วมกับเขา ประเทศที่เข้าร่วมก็จะสนใจที่จะลงทุนระหว่างกันเป็นหลัก ทั้งทีพีพีและการเจรจาเปิดเสรีในกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาคหรืออาเซป จึงมีความสำคัญมาก”.