นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดหารือกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และผู้ที่เกี่ยวข้อง เรื่องการเสนอให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล, ผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ว่า ฝ่ายต่างๆไม่สะดวกเลยต้องเลื่อนออกไป คงต้องเลื่อนไปจนกว่าฝ่ายต่างๆจะแจ้งกลับมาว่าว่างเมื่อใด ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาที่ทีดีอาร์ไออย่างเดียว แต่เป็นหลายฝ่ายที่ไม่ว่าง
“ถ้าวันนี้ไม่ว่างก็เป็นพรุ่งนี้เช้า แต่ถ้าพรุ่งนี้เช้าอีกฝ่ายหนึ่งว่าง อีกฝ่ายไม่ว่างก็ไม่ได้อยู่ดี ต้องรอพร้อมหน้ากัน จากนี้เจ้าหน้าที่จะประสานเพื่อนัดมาพูดคุยกันอีกครั้ง เเละต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
สำหรับกรณีที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่าได้เสนอในที่ประชุม คสช. ขอให้ใช้มาตรา 44 เพื่อปลดล็อกให้กรมประชาสัมพันธ์สามารถหารายได้จากการโฆษณาได้ว่าไม่ทราบ และทุกคนเวลาคิดก็จะคิดถึงมาตรา 44 แต่มาตรา 44 มีทั้งผลบวกและลบ และไม่รู้ว่าติดล็อกอะไรถึงต้องปลดล็อก ส่วนที่บอกว่าเพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ก็อ้างมา คงไม่ถึงกับหาโฆษณาได้มาก แต่อาจหาโฆษณาได้เพียงบางส่วน ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนบอกว่าหาได้เท่าไหร่จึงจะเพียงพอแล้ว จึงให้กรมประชาสัมพันธ์ไปหารือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าจะออกมาตรา 44 อย่างไร
“เรื่องนี้มีการขอมาในหลายรัฐบาล แต่เหตุผลแรกเริ่มที่ไม่ให้มีโฆษณาเพราะช่อง 11 เป็นสถานีของรัฐเพียงแห่งเดียว ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจ และให้ข้อมูลเรื่องต่างๆของรัฐบาล จึงถูกเบรกไม่ให้มีโฆษณามาตั้งแต่ยังไม่มี กสทช.”.