นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มทรูได้ทุ่มงบลงทุนราว 3,600 ล้านบาท เพื่อขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตเกตเวย์ รองรับความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยลงทุนในโครงการเคเบิลใต้น้ำสายใหม่ Southeast Asia-Japan 2 Consortium (SJC2) ความยาว 10,500 กิโลเมตร มีจุดเชื่อมต่อทั้งหมด 11 จุด โดยมีจุดเริ่มต้นที่ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา ฮ่องกง ไต้หวัน จีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2563
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำที่รองรับความ ต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้มหาศาล มีความจุ 14 เทราไบต์ต่อวินาที เท่ากับ การสตรีมมิ่ง (Streaming) วีดิโอระดับเอชดี 5.76 ล้านวีดิโอต่อวินาที
“การลงทุนเคเบิลใยแก้วใต้น้ำสายใหม่ SJC2 ครั้งนี้ จะมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไทยไปยังนานาประเทศได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน จะทำให้ราคาค่าบริการอินเตอร์เน็ตต่อหน่วยลดลงด้วย ยกตัวอย่าง ค่าบริการใช้อินเตอร์เน็ต 1 GB ราคา 100 บาท อาจเปลี่ยนเป็น 2 GB ราคา 110 บาท เป็นต้น”
นายสุพจน์ มหพันธ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ ทรู กล่าวว่า การลงทุนในโครงการ SJC2 ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับประเทศ เพราะ เป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมให้แข็งแกร่ง อีกทั้งการมีพันธมิตรธุรกิจที่ร่วมสร้างและลงทุนในโครงการนี้ อาทิ ไชน่า เทเลคอม, สิงเทล เทเลคอม, เอสเค เทเลคอม, เฟซบุ๊ก, Chunghwa Telecom, Chuan Wei, KDDI และ VNPT จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งและความหลากหลายของโครงข่ายเชื่อมต่อระหว่างประเทศของกลุ่มทรู และช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศด้วย.