พาณิชย์ถกภาครัฐ-เอกชน แก้ปัญหาลดผลกระทบ การลดภาษีรถไฟฟ้าจีนเป็น 0%

พาณิชย์ถกภาครัฐ-เอกชน หาทางแก้ปัญหา-ลดผลกระทบค่ายรถยนต์ในประเทศ หลังไทยจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 0% ตั้งแต่ 1 ม.ค.61 ยันเจรจาจีนขอขึ้นภาษีเป็นวิธีสุดท้าย...

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2560 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับจีนเพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอร์รี่ (บีอีวี) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จากที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ว่า กระทรวงฯอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางดำเนินการในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว และที่ผ่านมา ไทยมักนำเข้าเฉพาะรถกอล์ฟไฟฟ้าเท่านั้น แต่ขณะนี้ สถานการณ์การค้า และเทคโนโลยีการผลิตเปลี่ยนไปแล้ว จึงต้องหารือทุกภาคส่วนอีกครั้งเพื่อความเหมาะสม

ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯได้หารือร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ในไทยถึงผลกระทบจากการลดภาษีนำเข้ารถยนต์บีอีวีจากจีนเป็น 0% ซึ่งมีความคิดเห็นที่หลากหลาย เพราะมีทั้งกลุ่มที่พร้อมผลิตรถบีอีวี และไม่พร้อม โดยกลุ่มที่พร้อมผลิต เห็นว่า รถยนต์บีอีวีราคาถูกที่นำเข้าจากจีนเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดไทย แต่หากรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริม ปกป้อง คุ้มครองผู้ผลิตในประเทศด้วยวิธีการอื่นที่เหมาะสม ก็ไม่จำเป็นต้องเจรจากับจีนเพื่อขอขึ้นภาษีบีอีวีจากจีน

ส่วนกลุ่มค่ายยุโรป ที่มีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงบางค่ายไม่เกรงว่าบีอีวีราคาถูกจากจีนจะเป็นคู่แข่ง เพราะแข่งขันกันคนละตลาด แต่กลับเห็นว่า การมีบีอีวีจากจีน จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อรถบีอีวีในไทยได้มากขึ้น และทำให้ค่ายรถยนต์กล้าผลิตเพื่อจำหน่ายในไทยมากขึ้น ขณะที่กลุ่มที่ไม่พร้อมผลิตรถบีอีวี ต้องการให้รัฐบาลปกป้องตลาดภายในของไทย ทั้งในรูปแบบการใช้ภาษีนำเข้า และไม่ใช่มาตรการทางภาษี อีกทั้งยังเห็นว่า การลงทุนผลิตรถบีวีอีในไทยขณะนี้ ยังเร็วเกินไปทั้งในแง่ความคุ้มทุน และความพร้อมของสถานีชาร์จแบตเตอร์รี่ของไทย

”ยังมีวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ หรือลดผลกระทบของค่ายรถยนต์ในไทยได้ ยังไม่จำเป็นต้องเจรจากับจีน เพื่อปรับตารางการลดภาษี หรือปรับขึ้นภาษีนำเข้าจาก 0% เพราะหากมีการเจรจากันจริง ตามหลักการIณ์แล้ว จีนก็คงต้องขอเจรจาให้ไทยชดใช้ความเสียหายให้ ขณะนี้ ยังไม่อยู่ในขั้นตอนนั้น คงต้องหาวิธีการอื่นแก้ไขไปก่อน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจากับจีนเพื่อขอปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถบีอีวี จากที่ไทยผูกพันไว้ 0% นั้น จะเป็นวิธีสุดท้ายที่รัฐบาลไทยจะนำมาใช้ เพราะการดำเนินการต้องได้รับการยินยอมจากจีน และไทยต้องชดเชยความเสียหายให้กับจีนจากการแก้ไขข้อผูกพันด้วย เช่น การเปิดตลาดสินค้ารายการอื่นๆ ตามที่จีนเรียกร้อง ซึ่งอาจเป็นสินค้าอ่อนไหวของไทย ที่ไม่ต้องการเปิดตลาด และจะเกิดผลกระทบกับสินค้านั้นๆ แทน หรือหากไทยปรับขึ้นภาษี โดยที่จีนยังไม่ยินยอม จีนอาจใช้มาตรการตอบโต้ไทยด้วย

นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษีรถบีอีวีภายใต้เอฟทีเออาเซียน-จีน เพียงกรอบเดียว อาจไม่เกิดประโยชน์ เพราะไทยได้ผูกพันลดภาษีนำเข้ายานยนต์เป็น 0% ในเอฟทีเออื่นๆ เช่น เอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย, อาเซียน-นิวซีแลนด์ หรือไทย-ออสเตรเลีย, ไทย-นิวซีแลนด์ ดังนั้น ผู้ผลิตจีนอาจไปลงทุนในประเทศเหล่านี้ แล้วส่งออกมาไทยภายใต้ภาษีนำเข้า 0% ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม วิธีการที่รัฐบาลไทยควรดำเนินการคือ กำหนดมาตรฐานแบตเตอร์รี่ กำหนดมาตรการจัดการแบตเตอร์รี่เสื่อมคุณภาพ หรือกระต้นให้เกิดความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยอาจเริ่มจากในหน่วยงานราชการก่อน รวมถึงปรับเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น และเอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น.