นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากมีความคุ้มค่าในการผลิตใช้เองซึ่งแนวโน้มการขยายตัวจะมีเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น ทิศทางเหล่านี้จะกระทบต่อการจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และรวมไปถึงผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่ส่วนหนึ่งจะขายไฟตรงกับโรงงานอุตสาหกรรมให้มีรายได้ลดลงตามไปด้วยหากไม่ปรับตัว
“SPP เองจะผลิตไฟไม่เกิน 90 เมกะวัตต์ ซึ่งจะขายให้กับ กฟผ.เป็นหลักอยู่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งก็จะมีการขายไฟตรงให้กับลูกค้าด้วย โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้ก็เริ่มกังวล เพราะลูกค้าที่เคยซื้อเริ่มหันมาติดโซลาร์รูฟท็อปแทน โดยโรงงานที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป มากขึ้น เพราะใช้อัตราค่าไฟตามช่วงเวลาของการใช้ (TOU) ที่เฉลี่ยค่าไฟช่วงกลางวันจะมีอัตราที่แพงกว่า 4 บาทต่อหน่วย จึงใช้ไฟจากโซลาร์รูฟท็อปที่ต้นทุนเพียง 2 บาทกว่า ทั้งนี้ ต้นทุนการผลิตไฟจากโซลาร์รูฟท็อปลดลง 50% และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งมีปัญหาเพราะผลิตได้เฉพาะวันที่มีแสงแดด”.