บิ๊ก “แอมเวย์” ประกาศชัดบุกตลาดควบคุมน้ำหนักเต็มสูบ ใช้ “บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์” เวอร์ชั่น 2 เป็นเรือธงดันยอดขาย พร้อมปรับตัวขายออนไลน์เพิ่ม รับพฤติกรรมลูกค้า ลั่น! เป้ารายได้แตะ 20,000 ล้านบาท เห็นในปี 62 ก่อนเป้าหมายเดิม 1 ปี
นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดของแอมเวย์นับจากนี้ จะเน้นทำตลาดสินค้าในกลุ่มควบคุมน้ำหนัก ที่ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์บอดี้คีย์, นิวทริไลท์โปรตีน, นิวทริไลท์ ดับเบิ้ลเอ็กซ์, นิวทริไลท์ กรีน-ที พลัส เป็นต้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดยเฉพาะโปรแกรม “บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์” ซึ่งหลังเปิดตัวเวอร์ชั่น 2 ต่อยอดความสำเร็จโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก “บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์” เวอร์ชั่น 1 ด้วยการอัพเดตแอพพลิเคชั่นใหม่อินบอดี้วอตช์ (In Body Watch) ให้ใช้งานง่ายและสนุกมากขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นวัดองค์ประกอบร่างกาย นับก้าวเดิน และฟีเจอร์ใหม่ วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยีพีพีจี PPG (photo-plethysmography) ติดตามความเครียดระหว่างวัน ด้วยเซ็นเซอร์ที่จับค่า “ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ” รองรับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android และ iOS คาดว่าจะช่วยผลักดันให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักทำยอดรายได้แตะ 2,500 ล้านบาท ในสิ้นปี 60 นี้แน่นอน เป็นผลจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพและรูปร่างมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก
ทั้งนี้ 2 ปีที่รุกทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก โดยชะลอการทำตลาดสินค้าในกลุ่มอื่นๆ ทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ “อาร์ทิสทรี”, กลุ่มเพอร์ซันนอลแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล และกลุ่มโฮม เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่ ที่ต้องการให้ “แอมเวย์” เป็นบริษัท “เฮลท์แอนด์บิวตี้” ทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยน โดยรายได้หลัก 70% มาจากกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆและควบคุมน้ำหนัก ที่เหลือ 30% มาจากกลุ่มเครื่องสำอางแบรนด์ “อาร์ทิสทรี” 12% กลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล 9% และอื่นๆ 9% คาดว่า 5 ปีนับจากนี้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ และควบคุมน้ำหนักจะเพิ่มเป็น 90%
“ดัชนีขายตรงที่เคยเติบโตก้าวกระโดด มีสมาชิกขายตรงเพิ่มขึ้นจำนวนมากในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้น ใช้ไม่ได้มา 4-5 ปีแล้ว ดูจากจำนวนสมาชิกและนักธุรกิจแอมเวย์ที่มีอยู่กว่า 1 ล้านราย ทั่วประเทศ ไม่เพิ่มขึ้นมาหลายปีแล้ว เพราะโลกเปลี่ยน ผู้บริโภคมีทางเลือก
ในการประกอบอาชีพเสริมมากขึ้น โดยเฉพาะขายออนไลน์ แอมเวย์แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ก็ต้องปรับตัว ซึ่งปัจจุบันช่องทางขายออนไลน์มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือประมาณ 1,700 ล้านบาทแล้ว จาก 5 ปีก่อนที่มีสัดส่วนยอดขายแค่ 4-5% แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในตลาดเมืองไทยขายออนไลน์จะมาแทนที่ขายตรงได้ คงต้องใช้เวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป ไม่ใช่ในเร็วๆนี้เหมือนแอมเวย์ประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซีย ที่ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์กว่า 50% แล้ว เพราะยังมีแอมเวย์ช็อปเปิดกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 83 แห่ง เพื่อบริการลูกค้า”
นายกิจธวัชกล่าวว่า สำหรับเป้าหมายรายได้ 20,000 ล้านบาทในปี 2020 หรือปี 2563 น่าจะทำได้ในปี 2562 เลย เพราะภาพรวมผลประกอบการของบริษัทยังเติบโตต่อเนื่องทุกปีสวนกระแสและสวนทางกับธุรกิจอื่นๆ สิ้นปีบัญชี 2559/2560 (ก.ย.2559-ส.ค.2560) ที่เพิ่งปิดไปสามารถทำยอดรายได้แตะ 18,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2558/2559 ที่ทำได้ 17,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากยอดการใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าเพิ่มขึ้น 10% คือมีการใช้จ่ายซื้อสินค้าเฉลี่ย 12,000 บาทต่อคนต่อบิลต่อเดือน แม้จำนวนสมาชิกและนักธุรกิจแอมเวย์จะไม่เพิ่มขึ้นก็ตาม.