พาณิชย์ ดึง MOU พัฒนาคุณภาพปาล์ม เพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันให้สูงขึ้น

พาณิชย์ ดึงโรงงานสกัด ลานเท เกษตรกร ลงนาม MOU เพื่อรับซื้อผลปาล์มสดที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% หวังดันราคาให้เสถียรภาพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรยั่งยืน พร้อมสั่งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ หลังพบสูงขึ้นผิดปกติถึง 4.5 แสนตัน..

วันที่ 26 ก.ค. 60 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมัน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าแก้ปัญหาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยได้ผลักดันให้พัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคา และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน และได้ขอความร่วมมือลานเทที่รับซื้อปาล์มน้ำมัน และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม รับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้นด้วย เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำมันปาล์มที่จะนำไปใช้ต่อในอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น

รวมทั้งได้ผลักดันกลุ่มเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มร่วมกัน โดยล่าสุดได้มีการลงนามในเอ็มโอยูร่วมกัน เพื่อรับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% โดยจะมีผลบังคับภายใน 30 วันนับจากวันที่ 26 ก.ค. 60 ซึ่งกระทรวงฯ จะนำแนวทางของจังหวัดสุราษฎร์ธานี (สุราษฎร์ธานีโมเดล) ไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีการปลูกปาล์ม ทั้งกระบี่และชุมพรต่อไป”

สำหรับเอ็มโอยูดังกล่าว ได้กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถสกัดน้ำมันปาล์มดิบได้ 18% ซึ่งจะทำให้เกษตรกรต้องตัดปาล์มทะลายสุก ก้านทะลายสั้น และขายปาล์มทะลายที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ส่วนลานเทปาล์มน้ำมัน จะรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพ และไม่ทำลูกร่วงและส่งขายโรงงานภายใน 24 ชั่วโมง ในปัจจุบันหากซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% จะขายผลปาล์มดิบได้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 4.20 บาท

อย่างไรก็ตาม ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 450,000 ตัน สูงกว่าสต๊อกเพื่อความมั่นคงที่ควรอยู่ระหว่าง 200,000-250,000 ตัน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต๊อก เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปอย่างเร่งด่วน หากพบการลักลอบนำเข้า จะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันภายในประเทศ.