นอกจากเรื่องของการใช้ชีวิต การทำงาน และความคิดที่แตกต่างของคนในแต่ละเจเนอเรชันแล้ว ยังมีเรื่องของการเงินและการลงทุนที่แต่ละรุ่นก็มีความสนใจไม่เหมือนกัน…
ปัจจุบันเราจะเห็นว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” อย่างเหรียญบิตคอยน์ สเตเบิลคอยน์ หรือกองทุนที่เกี่ยวข้องได้รับความนิยมจากนักลงทุนมากขึ้น ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด แบ่งปันมุมมองในประเด็น “โอกาสของโลกการเงินในอนาคตของแต่ละ Gen” ในเสวนาหัวข้อ “Talk of the Gens เปิดเวทีความคิด ของคนหลายเจน” จากงาน ไทยรัฐฟอรั่ม ครั้งที่ 2 ของปี 2024 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567
จิรายุส กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในช่วงของการก้าวไปเป็น Network State ที่ทุกคนจะสามารถดำเนินชีวิตหรือทำงานด้วยกันจากที่ไหนก็ได้ ด้วยโครงสร้างของโลกที่เปลี่ยนไป ในอนาคตคนจะมี Global Citizenship
ในเรื่องของการเงินและการลงทุน “เรากำลังอยู่ในช่วงของทางเชื่อมที่จะดึงให้ทุกรุ่นทุกวัยหันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนั้นแล้วฝั่งสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมก็หันมาทุ่มเม็ดเงินลงในตลาดนี้กันมากขึ้น”
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงการเติบโตของ Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ที่เปิดตัวมาเพียง 2 เดือน ก็สามารถทำลายสถิติเป็น ETF ที่โตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ มีมูลค่าขึ้นไปถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากเทียบกับในอดีต ETF ที่โตเร็วที่สุดต้องใช้เวลาถึง 3 ปี และปัจจุบันจะเห็นว่าทั้ง ฮ่องกง ออสเตรเลีย ต่างก็มาเปิดกองทุน ETF ตามหลังสหรัฐอเมริกาแล้ว
และมองว่า ในอนาคตการทำธุรกรรมข้ามประเทศที่ไม่ใช่เพียงธุรกิจ B2B หรือ B2C แต่รวมไปถึงบุคคลทั่วไปจะมีหันไปสนใจใช้งานสกุลเงินกลุ่มสเตเบิลคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีในการชำระเงินมากขึ้น เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความผันผวนในโลกการเงิน อย่างปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้กำลังซื้อของคนลดลงไป
ทำให้ปัจจุบันนี้ ตลาดนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะมีคนเข้ามาในตลาดนี้แล้วกว่า 200-300 ล้านคน อีกทั้งประเทศต่างๆ ก็มีแผนที่จะออกกฎหมายเพื่อการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
ในส่วนของ BitKub ที่ดำเนินการมาเพียง 6 ปี มีลูกค้าแล้วกว่า 5 ล้านราย หากเทียบแล้วมีลูกค้าเทียบเท่ากับตลาดหลักทรัพย์
จิรายุส มองว่า นักลงทุนจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ
“คนที่ไม่ลงทุนเลยมีความเสี่ยงกว่าคนที่ลงทุน เพราะปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เราเห็นเทรนด์ชัดเจนว่าคนไม่ลงทุนจะเสียเปรียบด้านกำลังซื้อ (Purchasing Power) แต่คนที่ลงทุนก็จะต้องเข้าใจเรื่องการจัดการและรู้จักที่จะกระจายความเสี่ยง” จิรายุสกล่าว
อีกหนึ่งคำแนะนำที่จิรายุสได้พูดคุยในประเด็นวันนี้คือเรื่องของ “แหล่งลงทุน” โดยเขามองว่า อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองของการลงทุน ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังการระบาดของโควิด-19 ประเทศอาเซียนคือกลุ่มที่ไม่ได้เกิดข้อขัดแย้งทั้งทางการเมืองหรือสงคราม ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้ ประเทศในอาเซียนยังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อผลักตัวเองไปเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในด้านต่างๆ ทั้งด้านดิจิทัล ด้านความยั่งยืน และด้านนวัตกรรม
“จะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เป็นมูลค่าที่เราคาดไม่ถึงหลั่งไหลเข้ามาในตลาดอาเซียน เพราะฉะนั้น นักลงทุนอย่าไปมองที่ตลาดไกลตัว” จิรายุส กล่าว
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney