“สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น เป็นลูกชายคนกลางของ ชนินท์ ว่องกุศลกิจ เขาเข้ามาทำธุรกิจพลังงานที่รุ่นพ่อบุกเบิกไว้
ในเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา สินนท์ขึ้นกุมบังเหียนบ้านปูต่อจากสมฤดี ชัยมงคล ในตำแหน่ง CEO บ้านปู หลังจากรับผิดชอบในหลายหน้าที่หลายตำแหน่งในกลุ่มบ้านปูมานานเกือบ 10 ปี
จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมพลังงานโลก
สินนท์เล่าว่า เขาเข้ามารับหน้าที่ CEO บ้านปู ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานโลก ในเวลาที่ความต้องการพลังงานจะเพิ่มพูนเป็น 2 เท่าภายในปี 2050 จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 30,000 ล้านล้านหน่วย
ดังนั้น โจทย์สำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานคือการสร้างสมดุลระหว่าง 3 ด้าน ได้แก่ ความเสถียรของพลังงาน ราคาพลังงาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการสร้างสมดุลระหว่างปัจจัยเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพลังงานแต่ละประเภทมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น พลังงานฟอสซิลมีความเสถียรและราคาที่จัดการได้ แต่เรื่องความเขียวยังไม่มี ส่วนพลังงานสะอาดมีเรื่องความเขียว แต่เรื่องราคากับความเสถียรยังไม่มี เป็นต้น
"ดังนั้นเทรนด์พลังงานตอนนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ" สินนท์กล่าว
Energy Symphonics: กลยุทธ์ใหม่บ้านปู รับมือการเปลี่ยนผ่าน
ด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมพลังงานโลกกับการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายหลายด้าน ทำให้ในวันนี้ บ้านปูประกาศกลยุทธ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด Energy Symphonics มุ่งผสมผสานพลังงานรูปแบบต่างๆ ให้ทำงานประสานกันอย่างลงตัว เปรียบเสมือนการบรรเลงดนตรีที่ต้องผสานเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดให้บรรเลงเพลงที่ไพเราะ โดยมี 4 เสาหลักสำคัญ คือ
เสาหลักแรก "เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 และการลดคาร์บอน" มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนลง 20% ภายในปี 2030 และก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050 บ้านปูไม่เพียงปรับปรุงการดำเนินงานของตนเอง แต่ยังพัฒนาโซลูชันช่วยภาคอุตสาหกรรมลดคาร์บอน เพราะตระหนักดีว่าภาคอุตสาหกรรมพลังงานเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของห่วงโซ่พลังงาน การจัดการคาร์บอนที่ต้นทางจึงส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบทั้งหมด
เสาหลักที่สอง “ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ การดักจับและกักเก็บคาร์บอน” จะเป็นสะพานเชื่อมสำคัญในการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสะอาด บ้านปูกำลังพัฒนาก๊าซคาร์บอนต่ำและนำเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนมาใช้ โดยตั้งเป้า Net Zero ให้ได้ภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังผสานการใช้ก๊าซธรรมชาติกับโรงไฟฟ้าและระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน เพื่อสร้างระบบพลังงานที่มีทั้งความเสถียร ราคาที่แข่งขันได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เสาหลักที่สาม “พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หรือ Renewables+” มุ่งพัฒนาพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโซลาร์ฟาร์มและแบตเตอรี่ฟาร์มขนาดใหญ่ ไปจนถึงโซลูชันพลังงานสะอาดสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม บ้านปูให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มความเสถียรให้กับพลังงานหมุนเวียน เพราะแม้โซลาร์ฟาร์มจะผลิตไฟฟ้าได้เพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวัน แต่การมีระบบกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยบ้านปูจะโฟกัสและสเกล
เสาหลักสุดท้าย “Next-Gen Mining” สร้างธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่โดยการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำงานร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การใช้ข้อมูลจากเส้นทางขนส่ง 100 กิโลเมตรในอินโดนีเซีย มาวิเคราะห์และวางแผนการขนส่งและการจัดการท่าเรือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาการทำเหมืองแร่ที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เช่น แร่นิกเกิลและทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่
ปรับองค์กรรับอนาคต สร้างวัฒนธรรมองค์กร Banpu Heart
สินนท์เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ต้องการทั้งความรวดเร็วและความรอบคอบ องค์กรจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
บ้านปูจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรและบุคลากร โดยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ ส่งเสริมความมุ่งมั่นในการทำงาน ความรับผิดชอบต่อเป้าหมาย และการสร้างสรรค์นวัตกรรม ในฐานะบริษัทที่มีพนักงานกว่า 6,000 คนใน 9 ประเทศ บ้านปูมองว่าความหลากหลายเป็นทั้งความท้าทายและจุดแข็งขององค์กร
มองไปข้างหน้า: อนาคตของพลังงาน
ปัจจุบัน บ้านปูมีสัดส่วนรายได้ 60% จากธุรกิจเหมือง 20% จากธุรกิจไฟฟ้า และ 20% จากธุรกิจก๊าซ โดยตั้งเป้าให้ธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหินมีสัดส่วนมากกว่า 50% ในอนาคต พร้อมมุ่งสู่การเป็นบริษัทพลังงานที่ครบวงจรและยั่งยืน
สินนท์เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน บ้านปูจึงพร้อมสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพราะอุตสาหกรรมพลังงานเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
"เราต้องทำให้เร็ว แต่ก็ต้องแน่ใจว่าเราเลือกเทคโนโลยีและโซลูชันที่ใช่ ไม่ใช่แค่วิ่งตามเทรนด์”
ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำรุ่นใหม่และกลยุทธ์ Energy Symphonics บ้านปูไม่เพียงแต่มุ่งปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง แต่ยังตั้งเป้าเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย เพื่อสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
"ถ้าเราช้า เราตามไม่ทันแน่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ถึง 2040... ลองคิดดูว่า 15 ปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้มี AI มีควอนตัมคอมพิวเตอร์ ถ้าเราไม่ใช้พวกนี้ ถ้าเราตามไม่ทัน เราเสร็จเลย" สินนท์ทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำพาบ้านปูสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ