บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยราคา IPO 2.28 บาทต่อหุ้น และเมื่อปิดตลาดหุ้นท้ายวันเทรดที่ราคา 2.44 บาทต่อหุ้น หรือเหนือราคา IPO 7.02% อย่างไรก็ตาม PCE มีราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PCE เป็นส่วนหนึ่งของการนำเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมากกว่าราคาหุ้น คือการขยายกิจการจากธุรกิจเถ้าแก่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดำเนินกิจการมากว่า 40 ปี คือ การพาธุรกิจครอบครัว “ประสิทธิ์ศุภผล” เข้าสู่ระบบการเป็น “บริษัทมหาชน” สยายปีกอาณาจักร “เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์” ในหมวดธุรกิจการเกษตร ให้มีระบบ และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มได้เพิ่มขึ้น
#Thairath Money บุกถึงโรงงาน ท่าเทียบเรือ และสำนักงานใหญ่ เพื่อสัมภาษณ์พิเศษ ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE พร้อมลูกๆ ถึงอนาคตของ PCE ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ประกิต เปิดเผยว่า หลังจากทำธุรกิจมากว่า 40 ปีในวงการปาล์มและโลจิสติกส์ ก็อยากให้มีวิธีการที่จะเผยแพร่ให้คนทั่วไปเข้าใจมากขึ้นว่า ปาล์มเป็นพืชมหัศจรรย์ สามารถทำได้ทั้งอุปโภค บริโภค และพลังงาน ไม่ใช่ทอดไข่ ทอดไก่เท่านั้น
“ปาล์มเป็นสินค้ามหัศจรรย์ เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ขณะนี้ในประเทศไทย มีเงินหมุนเวียนที่ไปสู่มือเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท มีครัวเรือนที่ปลูกปาล์มในประเทศไทยขณะนี้มีประมาณ 400,000 หลังคาเรือนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องปาล์ม”
“โรงงานน้ำมันปาล์มเป็น Zero Waste ไม่มีส่วนไหนที่เราทิ้ง อย่างน้ำเสียก็ไปเป็นก๊าซ มาผลิตกระแสไฟ เปรียบเทียบถั่วเหลืองเปรียบเทียบกับข้าวโพดหรือน้ำมันทานตะวัน ปาล์มเป็นพืชที่ต้นทุนถูกที่สุด”
“ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูก 321 ล้านไร่ แต่ปลูกปาล์มแค่ 6 ล้านไร่ ดังนั้นพื้นที่เพาะปลูกสำหรับประเทศไทยที่จะขยายไปทางด้านปาล์ม ผมว่ายังอีกมากมายมหาศาล”
ส่วนเหตุผลที่สองที่ตัดสินใจพาธุรกิจครอบครัวเข้าตลาดหุ้น ประกิตบอกว่า อยากได้ระบบที่เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ทำธุรกิจร่วมกัน เพราะเชื่อว่า ธุรกิจที่มีระบบการควบคุมหรือมีระบบการจัดการที่ดีจะสามารถขายสินค้าหรือทำให้คนรู้จักสินค้าเกษตร รู้จักเรื่องน้ำมันปาล์มได้มากขึ้น
“เราเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรน้ำมันปาล์มครบวงจร เรามีตั้งแต่ขนส่ง โลจิสติกส์ ทั้งรถ เรือ คลังน้ำมัน บริษัทส่งออกในพื้นที่ของเรา ซึ่งค่อนข้างสะดวกและสามารถขนส่งจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปถึงภาคกลางที่ท่าเรือบางปะกง หรือ ฝั่งอันดามัน เราก็มีท่าเรือที่กระบี่ ซึ่งเราสามารถส่งออกได้ทันที อำนวยความสะดวกให้กับโรงงานหรืออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่เราสร้างรอไว้เพื่อเกษตรกร”
อีกทั้งอยากให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญของน้ำมันปาล์มในอนาคต ว่าเป็นพืชที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก และผลปาล์มเล็กๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนตั้งแต่กะลาปาล์ม ใยปาล์ม เมล็ดในปาล์ม
“สิ่งที่อยากเห็น คือในอนาคต ธุรกิจที่เราทำตอนนี้ ถ้าเกษตรกรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกปาล์มได้ และมีการเจริญเติบโตในภายภาคหน้า ก็ถือว่าธุรกิจผมมีโอกาสได้เข้าไปช่วยเกษตรกร และทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่ถูกลงเพราะว่าเรามีระบบการจัดการเรื่องโลจิสติกส์ที่เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา ซึ่งเราได้สร้างไว้เรียบร้อยแล้ว และเราพร้อมจะเติบโตพร้อมไปกับเกษตรกร และเพื่อให้ลูกหลานทุกคนได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง” ประกิต กล่าว
ทั้งนี้ PCE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร แบ่งเป็น
PCE มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 2,750 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 750 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย และนักลงทุนสถาบันและบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม และ 2-6 กันยายน 2567 ในราคาหุ้นละ 2.28 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,710 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,270 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PE ratio) เท่ากับ 18.94 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 - 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 331.22 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังเสนอขาย คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.12 บาทต่อหุ้น โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
กัญกร ประสิทธิ์ศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกคนโตของประกิต ขยายภาพรวมธุรกิจของเพชรศรีวิชัยฯ ว่า ภายใต้ PCE มีอีก 5 บริษัท ประกอบด้วย
“จะเรียกว่า นิว ไบโอดีเซล หรือ NBD เป็นพอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในกรุ๊ปก็ได้ โดยหลักๆ บริษัทนี้คือผู้ผลิต และเราไม่ได้ผลิตเฉพาะน้ำมันปาล์มของตัวเอง แต่เรารับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร มาผลิตน้ำมันปาล์มดิบและส่งออกด้วย”
ตัวน้ำมันปาล์มดิบ กับ เมล็ดในปาล์ม เราสามารถผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ โดยน้ำมันเมล็ดในปาล์มขายเพื่อให้ลูกค้านำไปเป็นวัตถุดิบหรือสารตั้งต้นผลิตเครื่องสำอาง ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
ส่วนน้ำมันปาล์มดิบสามารถนำไปกลั่นแล้วใช้เป็นวัตถุดิบทำพลังงานทดแทน ผลิตเป็น B100 เพื่อผสมในน้ำมันดีเซลขั้นต่ำ 7% เป็นน้ำมันไบโอดีเซลขายให้กับผู้จำหน่ายน้ำมันขายให้ผู้ใช้รถน้ำมันดีเซลทั่วไป
กับอีกส่วนหนึ่งคือ ที่โรงงาน NBD ก็ผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคชื่อแบรนด์ “รินทิพย์” ซึ่งขายส่วนใหญ่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและภาคใต้ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารด้วย
พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกชายคนที่สอง ดูแลฝั่งท่าเทียบเรือ คลังสินค้า และธุรกิจโลจิสติกส์ เล่าว่า นอกจากการทำธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์ม PCE มีบริษัทลูกที่ทำท่าเทียบเรือ ทำคลังสินค้า ที่ปัจจุบันมีลูกค้าบริษัทปูนซีเมนต์เกือบทุกแบรนด์ในประเทศไทยใช้บริการระบบขนส่ง โลจิสติกส์ และคลังสินค้าของบริษัทในเครือ PCE เพื่อบริหารต้นทุนและจัดการส่งสินค้าลงสู่ภาคใต้
“ที่ PCE เรามีระบบโลจิสติกส์ของเราเอง ที่ครบวงจรที่สุด เรามี PC เป็นรถบรรทุกขนส่งน้ำมัน ปัจจุบันมีรถทั้งหมด 140 กว่าพ่วง ที่ขนส่งน้ำมันทั้งของเราและของลูกค้า มี PKM ที่เป็นคลังสินค้า และแท็งก์ฟาร์มน้ำมัน ให้เช่าเก็บน้ำมัน มีเรือขนส่งจากสุราษฎร์ธานี ไปบางปะกง และจากสุราษฎร์ธานีไปต่างประเทศ และก็มีเชื่อมกับท่าเรือฝั่งจังหวัดกระบี่ ซึ่งสำหรับลูกค้าที่ต้อง Just In Time เราสามารถให้บริการเพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพได้”
นอกจากนี้ กิตติภณ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกชายคนที่สามของประกิต ยังรับหน้าที่ดูแลงานด้านระบบไอที การติดตามวิเคราะห์ระบบงานภายใน เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนได้
ทั้งนี้ ตามรายงานที่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องงบการเงิน 6 เดือนแรกปี 2567 (สิ้นเดือนมิถุนายน 2567) พบว่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโครงการสร้างรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 ดังนี้
ทั้งนี้ PCE มีเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด อยู่ที่ 101.14 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากต้นงวด 39.26 ล้านบาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณมี "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney