Copper ตั้งเป้ารายได้พันล้าน จับมือชาตรามือ-สก๊อต ขยายฐานลูกค้า ชูจุดแข็งแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก

Copper Beyond Buffet แบรนด์ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แบบพรีเมียม ประกาศครบรอบ 9 ปี เปิดแผนธุรกิจใหม่ หวังผลักดันรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาทภายในปี 2568 พร้อมประกาศจับมือกับ 2 แบรนด์ไทยระดับโลก ทั้ง “ชาตรามือ” และ “สก็อตรังนก” รังสรรค์เมนูใหม่ เสริมภาพลักษณ์แบรนด์และขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่

พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ซีอีโอของ Copper Beyond Buffet กล่าวถึงความก้าวหน้าครั้งใหม่ของแบรนด์ว่า “Copper วางเป้าหมายที่จะปั้นแบรนด์ให้เป็น Best International Buffet in Southeast Asia เราเริ่มต้นที่ The Sense Pinklao และเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายไปสาขาที่ 2 ที่ Gaysorn Amarin เพื่อขยายฐานลูกค้า พร้อมกันนี้เราได้มีการจับมือกับแบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ของคนไทย ทั้งนี้ต้องการที่จะขับเคลื่อนให้รายได้ของ Copper ไปถึงพันล้าน และต้องการที่จะเพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติมากขึ้น”

เส้นทางร้านบุฟเฟ่ต์นอกกรอบ

จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจครอบครัว ที่ “สมศักดิ์ พินิจศักดิ์กุล” เจ้าของคอมมูนิตี้มอลล์ อย่าง “The Sense Pinklao” คุณพ่อของคุณพจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ได้มีความคิดริเริ่มอยากจะขยายธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมอาหาร และด้วยความต้องการอยากจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เข้ามาใน The Sense Pinklao จึงเป็นที่มาของการเปิดร้านอาหาร “Copper Beyond Buffet”

สำหรับ Copper เปิดครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2559 เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ระดับพรีเมียม ที่ให้บริการอาหารนานาชาติแบบ All You Can Eat โดยเน้นคุณภาพวัตถุดิบระดับโรงแรม และการบริการที่แตกต่างจากร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วไป โดยเป้าหมายหลักของ Copper คือ การเปลี่ยนภาพของร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ โดยมีจุดเด่นและความแตกต่าง คือ

• คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง ทั้งเนื้อเกรดพรีเมียม อาหารทะเลสด และเมนูปรุงสดแบบจานต่อจาน
• สั่งอาหารผ่าน Order Station แล้วเสิร์ฟถึงโต๊ะ ไม่ต้องเดินไปตักอาหารเอง
• เมนูหลากหลายและหมุนเวียนตลอดเวลา รวมทั้งเมนู Collaboration พิเศษกับเชฟมิชลินและแบรนด์ดัง
• บรรยากาศร้านหรูหราเทียบเท่า Fine Dining แต่ให้บริการในรูปแบบบุฟเฟ่ต์

ในช่วง 7-8 เดือนแรกของการเปิดร้าน Copper ที่เน้นวัตถุดิบพรีเมียมและคุณภาพสูง ทำให้ต้นทุนสูง ในขณะที่ฐานลูกค้ายังไม่มาก ประมาณ 6,000-8,000 คนต่อเดือน และแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จึงทำให้ขาดทุนสะสม หนักสุดเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากการยอมขาดทุน คือ ลูกค้าที่รู้จักแบรนด์มากขึ้น และหลังจากปรับโมเดลการให้บริการ ก็ทำให้ Copper สามารถกลับมายืนได้ และหลังจากนั้นก็เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2561 จำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นสู่ 10,000 คนต่อเดือน และ 15,000 คนต่อเดือนในปี 2562

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา Copper Beyond Buffet ได้ขยายไปสาขาที่ 2 ที่ Gaysorn Amarin โดยเป้าหมายในครั้งนี้ต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่จะได้มาลิ้มรสอาหารนานาชาติฝีมือคนไทย ด้วยวัตถุดิบจากแบรนด์คนไทย

ในปีที่ผ่านมา Copper มีลูกค้าที่ประมาณ 40,000 คนต่อเดือนมาใช้บริการ และหากรวมยอดตลอดทั้งปีมีลูกค้าอยู่กว่า 480,000 คน อีกทั้งยังสามารถทำรายได้รวมกันทั้ง 2 สาขาได้กว่า 800 ล้านบาท (มีกำไรที่ 10% ของรายได้)

วิสัยทัศน์สำคัญ กับแผนจับมือพาร์ทเนอร์แบรนด์ใหญ่

ในช่วงปีที่ผ่านมา Copper Beyond Buffet เริ่มให้ความสำคัญกับการวางโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรงผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรหลากหลายกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่เพียงการเพิ่มความหลากหลายในเมนู แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการคุณภาพวัตถุดิบ ต้นทุน และประสบการณ์ของผู้บริโภคในระยะยาว

หนึ่งในแนวทางที่เห็นได้ชัดคือการเริ่มต้นจับมือกับผู้ผลิตวัตถุดิบที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหาร ไม่ว่าจะเป็น S-Pure (Betagro) ในกลุ่มเนื้อสัตว์ Qfresh (Thai Union Group) ในกลุ่มอาหารทะเล และ Foodiva ในกลุ่มเนื้อพรีเมียม นอกจากนี้ Copper ยังทำงานร่วมกับ Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหารเพื่อจัดการระบบจองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดปัญหาคิวตกหล่น และปรับความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในแต่ละช่วงเวลาได้เหมาะสมขึ้น

ขณะเดียวกัน การเปิดตัวความร่วมมือกับแบรนด์ชาตรามือและสก็อตรังนก ถือเป็นการทดลองนำวัตถุดิบจากแบรนด์ที่มีการรับรู้สูงในตลาด มาปรับใช้ในบริบทของเมนูใหม่ ซึ่งอาจเป็นแนวทางต่อยอดไปสู่การสร้างความหลากหลายให้กับประสบการณ์ของลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคต่างชาติ ซึ่งกำลังเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแบรนด์ในปีนี้

แม้จะถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในแง่หนึ่ง แต่ในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจ การเชื่อมโยงกับพันธมิตรหลากหลายกลุ่มเช่นนี้ สะท้อนการวางระบบซัพพลายเชนและการจัดการคุณภาพที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะภายใต้เป้าหมายที่ Copper วางไว้ในปีนี้คือการดันรายได้แตะระดับพันล้านบาท และขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติให้มากกว่าร้อยละ 35 ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แผนต่อจากนี้

พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล กล่าวว่า “สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 Copper Beyond Buffet วางเป้าหมายหลักในการผลักดันรายได้รวมให้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของแบรนด์ หลังจากปีก่อนทำรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท โดยการเติบโตในปีนี้จะขับเคลื่อนผ่านการต่อยอดคุณภาพสินค้าและบริการ การพัฒนาเมนูใหม่ร่วมกับเชฟระดับมิชลิน รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้บริโภคในรูปแบบของ Fine Dining Buffet ที่หาไม่ได้จากร้านอื่นในตลาด”

นอกจากการเติบโตในเชิงรายได้แล้ว Copper ยังตั้งเป้าเชิงภาพลักษณ์ในการก้าวสู่การเป็น “Best International Buffet in Southeast Asia” ผ่านกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าต่างชาติ โดยวางแผนเพิ่มการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานอาหารและบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับภูมิภาคมากขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง Copper ยังให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มจองร้านอาหารอย่าง Hungry Hub ซึ่งช่วยขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และพัฒนา Customer Journey ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแผนนำข้อมูลเชิงลึกจากระบบการจองและการสั่งอาหารมาวิเคราะห์ เพื่อนำไปพัฒนาทั้งเมนู วัตถุดิบ และการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

ทั้งนี้ Copper จะยังไม่เร่งเปิดสาขาใหม่ทั้งในประเทศและนอกประเทศในระยะสั้น แม้จะตั้งเป้าเป็น Best International Buffet in Southeast Asia เนื่องจากการขยายตลาดยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน แต่จะโฟกัสกับการเดินหน้าเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยแนวทางของธุรกิจขนาดกลางที่ยึดคุณภาพเป็นหัวใจหลัก พร้อมต่อยอดการเติบโตไปสู่การเป็นแบรนด์อาหารที่มีศักยภาพในระดับภูมิภาค และยังคงรักษาความเป็นแบรนด์ไทยที่มีจุดยืนชัดเจนในตลาดพรีเมียม

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney