บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “โคคา-โคล่า” หรือ “โค้ก” ใน 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดให้ชมโรงงานในอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเปิดไลน์การผลิตขวดแก้วแบบใหม่ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เดินหน้าลดการใช้พลาสติก ลดการใช้น้ำในการผลิต ใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด ตลอดจนใช้บ่อกำจัดน้ำเสียด้วยระบบธรรมชาติ
โดยเน้นย้ำว่า ทั้งระบบนิเวศการผลิตของหาดทิพย์จะมุ่งเน้นไปที่การผสานด้านความยั่งยืน ที่ผ่านมาถึงปี 2024 ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานของบริษัท เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หาดทิพย์ดำเนินงานมาแล้วกว่า 55 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นในปี 1969 จนปัจจุบัน หาดทิพย์มีโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และโรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ในสาขา 19 แห่งที่ครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ มีศูนย์กระจายสินค้า 19 แห่ง มาพร้อมกับรถขนส่งอีกกว่า 200 คัน และยังมีร้านค้าเอาท์เล็ตกว่า 46,000 ร้าน
ล่าสุด หาดทิพย์ได้เผยถึงเป้าหมาย 4 ด้านที่จะจัดการในเรื่องของความยั่งยืน ได้แก่ การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาและส่งเสริมบุคลากรด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
จอห์น เบเนเดตตี รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส - ซัพพลายเชน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หาดทิพย์เดินหน้ายกระดับกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวล้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผสานความยั่งยืนในกระบวนการผลิต และล่าสุดได้เปิดสายการผลิตขวดแก้วใหม่เพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน”
โรงงานการผลิตใหม่นี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 315 ไร่ จะมีไลน์การผลิตทั้งหมด 6 ไลน์ รองรับการผลิตทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นขวด PET กระป๋อง ขวดแก้ว และ Fountain สำหรับตู้กดน้ำ ซึ่งหาดทิพย์ยังมีการผลิตตัว Preform หรือแบบพลาสติกที่จะนำมาเป่าขึ้นเป็นขวด PET เอง และยังมีโกดังเก็บสินค้าที่รองรับเครื่องดื่มได้กว่า 2 ล้านแพ็ค
สำหรับสายการผลิตขวดแก้วใหม่ที่เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีกำลังการผลิตขวดแก้วสูงสุดถึง 800 ขวดต่อนาที และผลิตได้ทั้งขวดแก้วชนิดคืนขวดและไม่คืนขวด หลังจากนี้ จะมีการทยอยปรับการผลิตเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วจากที่โรงงานหาดใหญ่มายังโรงงานพุนพิน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
นอกจากขวดแก้วใหม่แล้ว หาดทิพย์ยังออกแบบลังบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยป้องกันการกระแทก ทำให้ขวดแก้วใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นรวมทั้งใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย
สายการผลิตขวดแก้วใหม่นี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของหาดทิพย์ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และภัตตาคารในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้บริโภคนิยมดื่มเครื่องดื่มภายในร้าน อีกทั้งยังเป็นประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่หาดทิพย์มีศักยภาพในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง และยังช่วยเสริมความสามารถในการบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในระยะยาวให้ดียิ่งขึ้นด้วยการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
โรงงานพุนพินได้ออกแบบมาให้ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกระบวนการที่ลดการใช้และหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ซ้ำได้ 100% ในการผลิตที่ไม่ใช่ส่วนประกอบของเครื่องดื่ม โดยหาดทิพย์ได้สนับสนุนเรื่องการใช้ทรัพยากรน้ำ ดังนี้
นอกจากนี้ หาดทิพย์ยังตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งซัพพลายเชน และหันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ
หาดทิพย์มุ่งมั่นใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้บรรจุภัณฑ์หมุนเวียน พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภค โดยมีการดำเนินการ ดังนี้
โดยหาดทิพย์ยังได้มีการบูรณาการกระบวนการผลิตเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างเช่น ระบบคลาวด์ ในการใช้มอนิเตอร์ข้อมูลการใช้งานพลังงานได้แบบเรียลไทม์ เพื่อนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ออกแบบหาโซลูชันต่อ อีกทั้งยังใช้ AI ในไลน์การผลิต เพื่อตรวจสอบคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่เรื่องความสะอาด คุณภาพ และความเสียหาย ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดระหว่างการผลิตลงได้ และยังช่วยเพิ่มมาตรฐานด้านความปลอดภัยอีกด้วย
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney