กลยุทธ์ Story to Flavor ที่ทำให้ Guss Damn Good กลายเป็น ‘นักทำไอศกรีม’ ไม่ว่าใครก็อยากร่วม Collab

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กลยุทธ์ Story to Flavor ที่ทำให้ Guss Damn Good กลายเป็น ‘นักทำไอศกรีม’ ไม่ว่าใครก็อยากร่วม Collab

Date Time: 22 ก.ค. 2567 16:10 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • Thairath Money คอลัมน์ BrandStory ครั้งนี้ชวนรู้จักแนวคิดเบื้องหลังสุดประณีตในการทำให้เรื่องเล่ากลายเป็นไอศกรีมของกัสส์ แดมน์ กู๊ด 'Guss Damn Good' ที่ทำให้ทุกคนอยากให้แบรนด์กลายเป็น ‘นักทำไอศกรีม’ ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนก็อยากร่วมคอลแล็บ

นี่คือแบรนด์คราฟต์ไอศกรีมคนไทยเจ้าแรกๆ ที่เป็นแบบอย่างและเปิดทางให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ๆ ให้ออกมาปั้นแบรนด์ไอศกรีมของตนเอง ด้วยไอเดียการขายไอศกรีมที่ฉีกกรอบเดิมๆ ทั้งการคิดค้นรสชาติ และการนำเสนอตัวเอง ทำให้แบรนด์สามารถขายไอศกรีมสกู๊ปราคาเหยียบร้อย โดดเด่นกว่าใครในท้องตลาด จนเรียกได้ว่าปัจจุบันสายไอศกรีมไม่มีใครไม่รู้จัก 

กัสส์ แดมน์ กู๊ด ‘Guss Damn Good’ ร้านไอศกรีมแบรนด์ไทยที่นอกจากจะตกหลายๆ คนด้วยรสชาติไอศกรีมสุดจึ้งที่มีให้ทานแค่ร้านนี้เท่านั้นแล้ว ยังตกแบรนด์ไทยแบรนด์ต่างประเทศจำนวนมากที่สนใจอยากให้ Guss Damn Good ทำไอศกรีมรสชาติของตนเองให้อีกด้วย 

Thairath Money คอลัมน์ BrandStory ครั้งนี้ชวนรู้จักแนวคิดเบื้องหลังสุดประณีตในการทำให้เรื่องเล่ากลายเป็นไอศกรีมของ Guss Damn Good ที่ทำให้ทุกคนอยากให้แบรนด์กลายเป็น ‘นักทำไอศกรีม’ ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนก็อยากร่วมคอลแล็บ

สำหรับใครที่อาจจะยังไม่รู้จัก Guss Damn Good ไม่เป็นไรค่ะ เรามาทำความรู้จักกับร้านไอศกรีมสุดคราฟต์ไอเดียเก๋กันก่อน และเพื่อพิสูจน์ชื่อเสียงความอร่อยด้วยตัวเองก็สามารถไปลิ้มรสเนื้อไอศกรีมเหนียวหนึบนุ่มลิ้นเหมือนอิมพอร์ตจากบอสตันได้เองตามความสะดวก

Guss Damn Good เกิดขึ้นจากไอเดียของ ‘ระริน ธรรมวัฒนะ’ และ ‘นที จรัสสุริยค์’ สองผู้ร่วมก่อตั้งที่ผันตัวสู่เจ้าของธุรกิจร้านไอศกรีม แม้จะไม่เคยทำไอศกรีมมาก่อน (ปัจจุบันร้านมีหุ้นส่วนอีก 3 คน คือ สวิตา นาคะชัย, พัฒจิรา สีมานนทปริญญา และ ทัตพงค์ วุฒิหิรัญปรีดา)  

ทุกอย่างเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจระหว่างเรียนปริญญาโทที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา ทั้งสองสังเกตเห็นความพิเศษของร้านไอศกรีมในละแวกนั้น ที่แม้จะอากาศหนาวแต่ผู้คนกลับใส่โค้ตออกมาต่อคิวยาวเหยียดเพื่อซื้อไอศกรีม แม้จะหิมะตกแต่คนบอสตันออกมาแฮงก์เอาต์กันเต็มร้านไอศกรีม

พวกเขาพบว่าคนบอสตันทานไอศกรีมเพื่อระลึกถึงช่วงเวลาพักผ่อนของวันหยุดในช่วงฤดูร้อน แล้วถ้าเป็นเหตุการณ์อื่นล่ะ ไอศกรีมทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาไหนได้อีกบ้าง?

ความชื่นชอบในการทานไอศกรีมอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาหลงใหลเสน่ห์ของชาวบอสตัน ที่ทำให้ไอศกรีมเป็นมากกว่าร้านขนม โดยไอศกรีมคือสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้คน และร้านก็ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการรวมตัวของคนจากหลายคอมมูนิตี้  

หลังจากเรียนจบ ทั้งสองกลับมาที่ประเทศก็เริ่มต้นทำปั้นธุรกิจไอศกรีมอย่างจริงจัง และเปิดตัวครั้งแรกในปี 2557 โดยนำเอาวัฒนธรรมการทานไอศกรีมของคนบอสตัน บวกกับความรู้ที่ได้บรรดาเจ้าของร้านไอศกรีมในบอสตัน สไตล์ และรสสัมผัสแบบบอสตันแท้ๆ กลับมาเปิดร้านไอศกรีมแบบฉบับ Guss Damn Good ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย   

Story to Flavor รสชาติไอศกรีมที่เกิดจากเรื่องราวรอบตัว 

นอกจากวัตถุดิบหลักในการทำไอศกรีม Guss Damn Good ยังเก่งในเรื่องดีไซน์รสชาติ การผสมผสานวัตถุดิบอื่นๆ ที่ตีความจากความรู้สึก ชนิดที่ว่าเรื่องราวต่างๆ ถูกชั่งตวงวัดเสมือนเป็นวัตถุดิบสำคัญของไอศกรีม Guss Damn Good ผ่านการคิดคำนวณอย่างถี่ถ้วน ก่อนแปลงมาเป็นรสชาติแปลกใหม่ และท่ีสำคัญยังอร่อยไม่ซ้ำใครอีกด้วย  

Don’t Give up #18 ไอศกรีมนมสด ที่มีแรงบันดาลใจจากเรื่องราวการฝ่าฟันธุรกิจในช่วงเริ่มต้น ทั้งสองใช้เวลาไปกับการกวนไอศกรีมด้วยตัวเอง เวลาส่วนใหญ่คือการคิดค้นสูตร ตระเวนซื้อนมและครีมที่มีในท้องตลาดจนกระทั่งได้สูตรที่ลงตัว โดยเลข 18 คือครั้งที่ 18 ที่ได้สูตรใกล้เคียงกับที่ต้องการมากที่สุด”  

Why Can’t Coffee Be White? ไอศกรีมกาแฟรสแรกของแบรนด์ ที่หลังจากคิดค้นสูตรและทดลองทำแล้วสูตรที่ได้ออกมารสชาติและกลิ่นคือกาแฟโดยสมบูรณ์ แต่ตัวไอศกรีมกลับมีสีขาว จึงนำไปสู่การตั้งคำถามเล่นๆ ว่า ทำไมกาแฟจะเป็นสีขาวไม่ได้” 

Make A Toast ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีเชอร์เบตที่มีส่วนผสมของแชมเปญ ซึ่งมีแรงบันดาลใจจากคู่แต่งงานใหม่ และบรรยากาศการเฉลิมฉลอง การเปิดแชมเปญและความรู้สึกร่วมยินดี ที่ทำให้เราหวนคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ในทุกๆ งานเฉลิมฉลอง” 

 

เอกลักษณ์ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ของ Guss Damn Good

Story to Flavor กลายมาเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ แทนที่จะแปะป้ายบอกว่านี่คือรสชาติวานิลลา ช็อกโกแลต หรือรัมเรซิน แบบเดิมๆ Guss Damn Good สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการบอกเล่ารสชาติที่เต็มไปด้วยความรู้สึก การตั้งชื่อรสชาติจากชื่อสถานที่ การเล่นคำ หรือวลีที่เราคุ้นหู จากหลายๆ เหตุการณ์สามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี 

นอกจากนี้ ความสนุกที่ได้จากชิมรสชาติอันหลากหลายที่หน้าร้าน ยังทำให้ Guss Damn Good สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในการต่อคิวซื้อไอศกรีมที่ติดอยู่ในใจลูกค้า จนแบรนด์มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น และมากไปกว่านั้นหลายคนยังนำ ไอศกรีมของ Guss Damn Good มอบเป็นของขวัญของฝากวันสำคัญๆ เพื่อบ่งบอกแทนความรู้สึก สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ทำถึงสุดๆ  

จากกระบวนการทำให้เรื่องราว ช่วงเวลา หรือเหตุการณ์สำคัญของผู้คนกลายเป็นรสชาตินี้เอง ทำให้ Guss Damn Good คิดค้นสูตรใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา นอกจากรสชาติซิกเนเจอร์ก็ยังมีรสชาติที่ทำออกมาตามเทศกาล รวมถึงรสชาติที่เกิดการ Collaboration กับแบรนด์ ศิลปิน ไปจนถึงองค์กรธุรกิจ รวมแล้วนับไม่ถ้วน  

Guss Damn Good นักทำไอศกรีม 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Guss Damn Good ทำให้ไอศกรีมกลายเป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับผู้คน และด้วยความที่ ไอศกรีมเป็น Happy Product หรือขนมหวานที่ทำให้คนทานสดชื่นรู้สึกดีอยู่แล้ว ทำให้ความตั้งใจ ความกล้าในการคิดนอกกรอบของแบรนด์ประสบความสำเร็จ ซึ่งนั่นยังทำให้แบรนด์ธุรกิจจำนวนมากเห็นโอกาสในการสื่อสารผ่านไอศกรีม และเข้ามาคอลแล็บกับ Guss Damn Good เพื่อมอบความรู้สึกดีๆ ผ่านไอศกรีมไปสู่ลูกค้าของพวกเขา จนเราเริ่มเห็นเทรนด์ใช้ไอศกรีมทำ Marketing เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง  

ตลอดสิบปีทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศจำนวนมากเข้ามาเป็นลูกค้าของ Guss Damn Good ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง แฟชั่น ธนาคาร สถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน รีเทล สถาบันการศึกษา รวมถึงศิลปินหลากหลายวงการ ปัจจุบัน Guss Damn Good มีไอศกรีมมากกว่า 130 รสชาติ โดยครึ่งหนึ่งของรสชาติเหล่านั้นเป็นรสชาติที่ออกแบบให้กับแบรนด์ต่างๆ

ตัวอย่างรสชาติสุดจึ้งที่ทำงานร่วมกับแบรนด์ 

  • รส Wet N Wild เกิดจากการ Wet N Wild แบรนด์เครื่องสำอางเจ้าแรกที่ Guss Damn Good ทำรสชาติไอศกรีมให้ โดย Wet N Wild คือ ไอศกรีมนมที่มี Texture มาที่ส่วนผสมหลักๆ American Cherry, Cream Cheese และ Graham Craker Crumb ที่มาของไอเดีย คือ Wet N Wild เป็นแบรนด์ที่มาจากลอสแอนเจลิส แบรนด์เลือกหยิบไอเทมอาหารที่บ่งบอกความเป็นอเมริกันสุดๆ มาใช้เป็นส่วนผสม เนื้อไอศกรีมจะเจอความกรึบๆ ของครัมและเชอร์รี ที่มีซอสสีแดงให้ความรู้สึกเหมือนลิปสติกสีแดงเชอร์รี
  • รส ME Beside You x Mitsubishi Electric ที่ต้องการสื่อถึงความอบอุ่น เฟรนด์ลี่ อยู่ข้างๆ กันอย่างเป็นมิตร สีแดงขาว และความเป็นญี่ปุ่นที่สื่อถึงตัวแบรนด์ Mitsubishi Electric โดยรสนี้ใช้ส่วนผสมญี่ปุ่นแบบจัดเต็มผ่านเบสไอติมรสฮอกไกโดชีสเค้ก สดชื่นแบบญี่ปุ่นๆ ตัดรสกันต่อด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี และราสเบอร์รี
  • รส MAGIC MOMENT x Dutchmill โดยมีจุดเริ่มต้นจากแบรนด์ดัชมิลล์ทำรสใหม่ “Magic Berry" นมเปรี้ยวสีม่วงอ่อน หอมเบอร์รีที่หลายคนคุ้นเคย โดยนำมาทำเป็นไอศกรีมสีม่วงอ่อน รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมเบอร์รี โดยแบรนด์ตั้งใจทำให้ไอศกรีมมีความเย็นๆ คูลๆ ตอนปลาย ต่อให้จะกินหมดถ้วยแล้ว ความเย็นระเรื่อก็ยังคงอยู่เหมือนเป็น Magic Moment 

โดยล่าสุดแบรนด์ก็ได้เปิดตัวโปรเจกต์ที่สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ 9 แบรนด์ไทยที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง ส.ขอนแก่น แม่ประนอม ยาอมตะขาบห้าตัว ซอสภูเขาทอง บาร์บีคิวพลาซ่า มาม่า โรซ่า จอลลี่แบร์ และ คุกกี้อาร์เซนอล ทำไอศกรีม 9 รสชาติ โดยหยิบจับผลิตภัณฑ์ชื่อดังของแต่ละแบรนด์มาเป็นไอเดีย

ตัวอย่าง Noodle Crumble with Lime Juice ครัมเบิลเส้นมาม่ารสต้มยำ ซอร์เบต์มะนาวแป้น Sauce with Honey Molasses ซอสบาร์บีคิวพลาซ่า น้ำผึ้ง โมลาส หรือจะเป็น Roza Tomato with Strawberry มะเขือเทศโรซ่า สตรอว์เบอร์รี สำหรับใครที่ไปลองมาแล้ว ชอบรสชาติไหนก็คอมเมนต์บอกกันหน่อยนะคะ 

อ้างอิง Guss Damn GoodReadthecloud  , BrandAge 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์