Milo ตำนานนมช็อกโกแลตอายุ 90 ปี  สู่ ‘ไมโลรถโรงเรียน’ เมนูย้อนวัยขวัญใจคนไทย

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Milo ตำนานนมช็อกโกแลตอายุ 90 ปี สู่ ‘ไมโลรถโรงเรียน’ เมนูย้อนวัยขวัญใจคนไทย

Date Time: 16 มี.ค. 2567 14:55 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • Thairath Money คอลัมน์ BrandStory ครั้งนี้หยิบยกเรื่องราวและกลยุทธ์การเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพ แบรนด์ดิ้งที่แรงดีไม่มีตกของ ไมโล “Milo” เครื่อมดื่มมอลต์รสช็อกโกแลตกล่องสีเขียวที่เมื่อเห็นทีไรก็ชวนให้ย้อนวันวานคิดถึงวัยเด็กที่หลายคนยังจำรสชาติอร่อยกลมกล่อมได้จนถึงทุกวันนี้มาเล่าให้ฟัง

Latest


เอเนอร์จี้ๆ บูสต์ๆ ไม่อ่อมๆ หากพูดถึงวิธีการเติมพลังชั้นดี หลายคนบอกว่าการหาเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วก็อาจช่วยให้สดชื่น มีแรงทำงานต่อได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งหากพูดถึงแบรนด์เครื่องดื่มแบรนด์หนึ่งที่แค่มองก็รับรู้ได้ถึงเอเนอร์จี้!! หลายคนรู้จักเครื่องดื่มนี้ในฐานะเมนูเติมพลังวัยเด็กที่มอบทั้งความแข็งแรงและรสชาติที่อร่อยติดปาก 

เรากำลังพูดถึง ไมโล “Milo” นมช็อกโกแลตที่ไม่เคยอ่อม แม้จะทำตลาดมายาวนานถึง 90 ปี แต่ความแข็งแกร่งในการสื่อสารถึงเอเนอร์จี้ของแบรนด์ Milo ยังคงประสบความสำเร็จ จนเรียกได้ว่าแบรนด์ Milo สามารถครองใจเด็กในวันนั้นที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ได้เป็นอย่างดี

ไมโล “Milo” ถูกคิดค้นขึ้นที่ประเทศอสเตรเลีย ในช่วงที่กำลังประสบภาวะขาดแคลนระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ ในประเทศที่มีปัญหาไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอในแต่ละวัน โดย โธมัส เมย์น (Thomas Mayne) นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารที่ทำงานให้กับบริษัท Nestlé ออสเตรเลียได้คิดค้นเครื่องดื่มที่ให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นโดยไม่ทำให้ครอบครัวต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป

เริ่มแรก เมย์น พัฒนาสูตรนม Milo ที่มีส่วนผสมหลักจากมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เลย์ น้ำตาล โกโก้ แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นสำหรับร่างกายอย่างเกลือแร่ เหล็ก โปรตีน และวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน A, D และ B1 จนกระทั่งได้ออกมาเป็นมอลต์รสช็อกโกแลตชนิดผงที่สามารถชงผสมกับน้ำหรือนม จะดื่มแบบร้อนหรือเย็นได้ ซึ่งหลังพัฒนาสูตรอยู่สองปี แบรนด์ Milo ก็ได้เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในงาน Sydney Royal Easter Show ปี 1934  

จากตำนานนักกีฬาแห่งยุคกรีกโบราณสู่เครื่องดื่มสะท้อนความมุ่งมั่น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวต้นกำเนิดเครื่องดื่มด้านโภชนาการเพื่อเติมพลังให้กับเด็กๆ ของ Milo ถูกต่อยอดด้วยกลยุทธ์การตลาดชั้นดีที่ได้สร้างภาพจำ Milo ที่ต้องมาคู่กับ 'กีฬา' และแน่นอนว่า กีฬา ย่อมมาพร้อมกับความแข็งแรง ซึ่งสอดคล้องไปกับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่ยังสามารถตอบโจทย์ไปถึงคนที่ชอบเล่นกีฬาและรักสุขภาพ จนพูดได้ว่า 'Sport Marketing' คือองค์ประกอบหลักของเบื้องหลังความสำเร็จอันแข็งแกร่งของ Milo 

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของชื่อ Milo นั้นมีที่มาจาก “Milo of Croton” ไมโลแห่งโครตอน ตำนานนักมวยปล้ำยุคกรีกโบราณ จ้าวแห่งพละกำลังและความแข็งแกร่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ยอดนักกีฬา ผู้ไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด 

แถมเขายังเป็นผู้ให้กำเนิด “Milo Theory” ทฤษฎีการเพิ่มความแข็งแรงจากการฝึกฝนร่างกายด้วยวิธีการยกกระทิงตัวเดิมในทุกๆ วัน ผลจากการฝึกฝนและอดทน ทำให้ไมโลสามารถยกกระทิงตัวใหญ่ที่โตเต็มวัยเดินไปมาจนทำให้เขาคว้าแชมป์ในการแข่งขัน จากความมุ่งมั่นของไมโลแห่งโครตอนชื่อของเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ เมยน์ และถูกนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์นั่นเอง....

หากสังเกตที่แพ็กเกจจิ้งของแบรนด์ Milo ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรามักจะเห็นว่าแบรนด์มักจะใช้ภาพเด็กๆ ที่กำลังถือแก้ว Milo หรือเด็กๆ ที่กำลังเล่นกีฬามาใช้เป็นภาพหลักในการสื่อสาร การเลือกใช้เฉดสีเขียวและสีทองอันทรงพลังสะท้อนถึงส่วนผสมจากธรรมชาติและมีประโยชน์ ความมีชีวิตชีวาที่กลายเป็นสัญลักษณ์และอัตลักษณ์ของแบรนด์ Milo สะท้อนถึง เอเนอร์จี้ แหล่งพลังงาน ความแข็งแรง การเติบโต ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วโลก

“Milo ส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี” 

จากจุดเริ่มต้นในเรื่อง ‘สุขภาพและโภชนาการ’ ทำให้ Milo ถูกวางแบรนด์โพสชั่นให้เป็นเครื่องดื่มที่ให้สารอาหารที่จำเป็นในการเติบโต เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน ช่วยเสริมสร้างพลังงานในทุกๆ วัน ตามที่แบรนด์ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า 

“เป้าหมายของไมโล คือ การเติมพลังด้วยรสชาติ แสนอร่อย อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน พร้อมสนับสนุนให้เด็กๆ ประสบ ความสำเร็จในทุกก้าวของชีวิต”

นอกเหนือจากนั้น ‘แนวคิดเรื่องกีฬา’ ตามที่กล่าวไปข้างต้น ยังกลายเป็นส่วนผสมหลักของ Milo ตั้งแต่ก่อตั้ง โดย Milo มีจุดยืนที่เชื่อว่า “กีฬาไม่ใช่แค่ช่วยให้สุขภาพดี แต่ยังเป็นบทเรียนล้ำค่า” กีฬา คือ กุญแจสำคัญในการเสริมทักษะชีวิต และเป็นช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ  ไปจนถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในแต่ละประเทศเติบโตไปกับการเล่นกีฬาเพื่อความสำเร็จในอนาคต

“การเรียนรู้ผ่านกีฬาจะช่วยพัฒนาศักยภาพ ของพวกเขาในทุกๆ ด้าน ทั้งการฝึกฝนสมาธิ ความอดทน ความกล้า การเอาชนะความกลัว การเป็นทีมเวิร์ก ความเชื่อมั่นใจตนเอง การเคารพกฎกติกา การเป็นผู้นำ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นคุณสมบัติที่หล่อหลอม ทำให้เด็กๆ ค้นพบศักยภาพของตัวเองและประสบความสำเร็จในอนาคต”  


จุดนี้ทำให้ Milo ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับอาหารเช้าของเด็กๆ ที่พ่อแม่เลือกสรรให้ลูก ดื่มก่อนไปเล่นกีฬา ดื่มก่อนไปเรียน แต่ยัง ได้ภาษีเรื่อง ‘ความแข็งแรงและความมุ่งมั่น’ Milo สามารถขายในฐานะเครื่องดื่มทางเลือกสำหรับนักกีฬาไปจนถึงการเป็นเครื่องดื่มของวัยอื่นๆ ที่เหมาะกับการดื่มเสริมพลังงานเวลาออกกำลังกาย หรือเวลาทำกิจกรรมสนุกๆ ที่ต้องการความแอคทีฟกระฉับกระเฉง บูสต์เอเนอร์จี้ 

นอกจากนี้ Milo ยังสร้างกิจกรรมที่จับต้องได้อย่างการจัดแคมเปญสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้คน สนับสนุนและจัดโปรแกรมกีฬาประเภทต่างๆ ในแต่ละประเทศเพื่อตอกย้ำกลยุทธ์การตลาดด้านกีฬา เช่น “MILO Champions Cup” การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลกครั้งแรกของตนเอง ด้วยความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำอย่าง FC Barcelona ที่จะเข้าชิงกับเด็กๆ จาก 15 ประเทศทั่วโลก

เจ้าแห่งการปรับสูตรให้ตรงกับตามโจทย์ตลาดท้องถิ่น

Milo กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดภายใต้การดูแลของบริษัท Nestlé โดยหลังจากนั้น Milo ยังคงพัฒนาไลน์ผลิตสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่คงคุณสมบัติปลดปล่อยพลังงานและให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย เช่น กลุ่มซีเรียลสำหรับอาหารเช้า ธัญพืชและสแน็คบาร์เสริมพลังงานอีกด้วย รวมถึงการเพิ่มสูตร Milo อย่างหลากหลายเพื่อขยายฐานผู้ดื่ม เช่น Milo สูตรนมอัลมอนด์และนมถั่วเหลือง หรือ Milo สูตรน้ำตาลน้อย ที่พัฒนาและเปิดตัวสำหรับประเทศไทยในปี 2019 

หากเจาะลึกลงไปที่การขยายธุรกิจของ Milo ในต่างประเทศจะสังเกตเห็นถึงกลยุทธ์การ ‘Localize Milo’ เปิดโอกาสแต่ละประเทศเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเทรนด์การบริโภคในประเทศตัวเอง 

โดยจะให้ความสำคัญตั้งแต่การปรับรสชาติและสูตรให้ตรงกับโจทย์ด้านโภชนาการหรือความต้องการด้านสารอาหารของพื้นที่นั้นๆ ทำให้รสชาติของนม Milo มีความแตกต่างกันไปในบางประเทศ รวมถึงการนำเสนอวิธีการดื่มที่เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น สไตล์การบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม และที่สำคัญคือการทำมาร์เก็ตติ้งที่สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตคนในแต่ละประเทศ ทำให้ Milo เข้าถึงผู้บริโภคในภูมิภาคที่หลากหลาย 

ยกตัวอย่างวิธีการดื่มแบบดั้งเดิมในออสเตรเลียจะเสิรฟ์ Milo รูปแบบผง จะเสิร์ฟพร้อมนมร้อนหรือนมเย็นให้โรยด้านบน หรือในหลายประเทศในเอเชียจะชงผง Milo กับน้ำร้อนผสมกับนม น้ำตาล และเสิร์ฟกับน้ำแข็งกลายเป็น 'ไมโลเย็น' มากไปกว่านั้นก็คือโรยผงเพิ่มด้านบนอีกชั้นก็จะกลายเป็นเป็นอีกเมนูที่ถูกเรียกว่า 'ไมโลไดโนเสาร์' หรือ Milo Dinosour ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศมาเลเซียและไทย 

นอกจากนี้ยังผลิต Milo รูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากนมผงและนมพร้อมดื่ม ซึ่งกลายเป็นลูกเล่นที่เพิ่มความสนุกให้กับการรับประทาน Milo นอกเหนือจากการดื่ม เช่น Milo Cube หรือซอส Milo ที่ไว้ทาบนขนมปัง 

Milo กลายเป็นเครื่องดื่มมอลต์ช็อกโกแลตที่พ่อแม่ทั่วโลกไว้ใจให้ลูกๆ ของพวกเขาดื่ม ทั้งภูมิภาคแอฟริกาใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชีย โดยเฉพาะตลาดอาเซียนอย่าง 'มาเลเซีย' ที่ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่กินส่วนแบ่งอยู่ถึง 90% อีกด้วย ตามด้วยสิงคโปร์ที่ตามมาเป็นอันดับสอง รวมถึงประเทศไทยเองที่ Milo เข้ามาทำตลาดอย่างแข็งแกร่งนาน 70 กว่าปี ก็ได้สร้าง Milo สูตรพิเศษอย่าง ‘ไมโลรถโรงเรียน’ นมไมโลสูตรพิเศษ

โดย Nestlé ประเทศไทยได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเข้าถึงเด็กๆ ด้วยการส่งรถฟู้ดทรัคเข้าไปในโรงเรียนต่างๆ เพื่อแจกนมไมโลสูตรพิเศษที่หาดื่มไม่ได้ตามร้านทั่วไปให้กับเด็กๆ จนกลายเป็นเมนูเครื่องดื่มที่อยู่ในใจวัยเด็กยุค 90 ของใครหลายคนจนกระทั่งล่าสุดก็ได้ผลิตไมโลรถโรงเรียน บรรจุใส่กล่องแบบยูเอชทีออกมาวางขายตามร้านสะดวกซื้อ เพราะกระแส ไมโลรถโรงเรียนได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างยาวนาน และมากไปกว่านั้นที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนในไทยถึงขั้นเปิดขายแฟรนไชส์ ‘ไมโลรถโรงเรียน’ กันจำนวนมาก 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุผลให้แบรนด์ Milo มีความเกี่ยวโยงกับกิจกรรมกีฬาและความแข็งแรงได้อย่างกลมกล่อมไม่แพ้รสชาติ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Milo ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คือ การผลักดันให้จุดยืนของแบรนด์และธุรกิจจับต้องได้จริงๆ จากผู้ดื่มทั่วโลก

อ้างอิง Nestlé Milo , ABC

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ