วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง “การบินไทย” อดีตสายการบินแห่งชาติ ที่ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการกันนะครับ การบินไทยโชคดีมาก ที่ยื่นล้มละลายปลายเดือนพฤษภาคม 2563 ในช่วงที่โควิดเริ่มระบาดพอดี ไม่ยังงั้นคงมีหนี้เพิ่มอีกมหาศาล วันนี้โควิดก็ให้โชคกับการบินไทยอีกครั้ง 9 เดือนแรกปีนี้มีเงินสดตุงอยู่ในกระเป๋ามากกว่า 52,700 ล้านบาท จากราคาตั๋วโดยสารที่พุ่งขึ้นไปเกือบ 100% จากราคาในอดีต ปลายปีที่แล้วผมเคยซื้อตั๋วการบินไทยไปโตเกียวใบละกว่า 120,000 บาท
ไม่ว่าตั๋วโดยสารจะแพงแค่ไหน ผมก็ยังมีรอยัลตี้มีความภักดีกับการบินไทย บินไปไหนมาไหนก็ใช้การบินไทย แต่การบินไทยกลับไม่รอยัลตี้หรือภักดีกับคนไทยและผู้โดยสารที่รอยัลตี้กับการบินไทยสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะ การแลกไมล์รอยัลตี้กับการบินไทย ถ้า “ไม่มีเส้น” โอกาสที่จะแลกได้เกือบเป็นศูนย์ ขณะที่คะแนนไมล์กลับมีวันหมดอายุ
ผมเพิ่งกลับจากโอซากากับเพื่อนๆที่เป็นผู้บริหารระดับสูงสิบกว่าคน ไปกลับด้วยการบินไทยชั้นธุรกิจ เพื่อนที่กลับก่อนหนึ่งวันแจ้งข่าวให้ทราบว่า ควรจะไปถึงสนามบินสักบ่ายสอง ก็ต้องออกจากโอซากาตั้งแต่บ่ายโมง เพราะสนามบินคันไซคนเยอะมาก คนไทยก็เยอะแน่นทุกเที่ยวบิน โดยเฉพาะการบินไทยคนเข้าคิวยาวเหยียดเป็นงูหลาม เลยทีเดียว แต่ สายการบินญี่ปุ่น เขารู้ว่ามีผู้โดยสารเยอะเขาก็เปิดเคาน์เตอร์แต่เนิ่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร แต่ การบินไทยเปิดเคาน์เตอร์ตอน 14.30 น. บอร์ดดิ้งขึ้นเครื่อง 16.45 น. เครื่องออก 17.25 น. ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมด คนเลยต้องไปยืนรอ
ผมไปถึงสนามบินคันไซก่อนบ่ายสอง เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดแต่ผู้โดยสารการบินไทยเข้าคิวยาวเหยียดแล้ว แสดงว่ามาก่อนผมนานมาก เท่ากับต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวันในการเช็กอินการบินไทย
ผมซื้อตั๋วชั้นธุรกิจก็ดีหน่อยคิวไม่ยาว ที่จริงผมเช็กอินล่วงหน้าทางเน็ตแล้ว พอไปถึงเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่คนญี่ปุ่นถามไกด์ผมว่า จะเลื่อนเที่ยวบินไหมจะอัปเกรดให้ ผมถามว่าทำไมเหรอ เธอตอบว่าเที่ยวบินนี้โอเวอร์บุ๊ก คือ มีการจองมาเกินที่นั่ง มันเป็นไปได้ยังไง คนขายตั๋วรับจองเกินที่นั่งได้ยังไง พฤติกรรมเช่นนี้มีมาตั้งแต่ก่อนการบินไทยล้มละลาย วันนี้ฟื้นฟูกิจการยังตามมาหลอนอีก ที่ไม่น่าให้อภัยคือมาถามว่าจะเลื่อนเที่ยวบินไหม จะอัปเกรดให้ จะอัปเกรดให้ไปอยู่ที่ไหน การบินไทยบินญี่ปุ่นมีแต่ชั้นธุรกิจ ผมก็ซื้อธุรกิจอยู่แล้ว นี่เป็นการโกหกเพื่อหวังจะเอาที่นั่งผมไปขายให้ผู้โดยสารคนอื่นหรือไม่ มีการเปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนที่นั่งที่ผมเช็กอินแล้วแต่ไม่แจ้งผม มันเป็นไปได้ยังไงในธุรกิจการบิน
เพื่อนอีกคนก็เจอ สิ่งที่การบินไทยเป็นมาในอดีตก่อนเจ๊ง นั่นคืออาหารบนเครื่อง
เมื่อเครื่องบินขึ้น พนักงานจะมาถามว่าจะทานเมนูอะไร เที่ยวบินนี้มีให้เลือก 3 เมนู เป็น อาหารไทย ปลา ฝรั่ง เพื่อนผมเลือกปลา พนักงานบอกหมด หมดได้ยังไงผมก็งง ก็เลยจำใจต้องกินเมนูอาหารไทยที่ดูยังไงก็ไม่เป็นอาหารไทย ถ้า คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศจะนำ “อาหารไทย” เป็น Soft Power ได้ลองลิ้มอาหารไทยบนเครื่องการบินไทย คงยิ้มไม่ออกแน่นอน เป็นน่องเป็ดกองฟี กับ แครอท ผักจีน มีเครื่องแกงราดนิดหน่อย กินกับข้าวแข็งๆ ไม่ว่าหน้าตารสชาติ ไม่ใช่อาหารไทยแน่นอน
ที่แย่ที่สุดเมื่อเครื่องมาถึงสุวรรณภูมิ แท็กซี่ไปไกลมาก นึกในใจว่าคงไปจอดไกลเหมือนเคย แต่พอเห็นเลี้ยวไปจอดที่งวงบีก็ดีใจ คิดว่าวันนี้โชคดีได้เข้างวง ที่ไหนได้ พอเดินออกจากประตูเครื่องบิน ก็ต้องลงบันไดงวงไปขึ้นรถบัสอีกทอด ก็ไม่รู้ไปจอดที่งวงหาพระแสงอันใด ผมก็ได้แต่เห็นใจคนแก่ด้วยกัน ที่ต้องหอบหิ้วข้าวของสัมภาระ และกระเป๋าใบเล็กที่ติดขึ้นเครื่องถือเดินลงบันไดงวงด้วยความทุลักทุเล โดยไม่มีเจ้าหน้าที่การบินไทยช่วยเหลือแต่อย่างใด
ผมเคยเขียนในช่วงที่ การบินไทย เริ่มมีกำไรจากการฟื้นฟูกิจการว่า ถ้าการบินไทยยังให้บริการที่แย่แบบเดิมๆ โดยไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เปลี่ยนเครื่องบินที่เก่ามาก ที่นั่งที่เก่ามาก ธุรกิจการบินฟื้นตัวเต็มที่เมื่อไหร่ การบินไทยอาจต้องยื่นล้มละลายอีกครั้งก็ได้ ผมเขียนเรื่องการบินไทยวันนี้ อยากให้มีการปรับปรุง อยากบินการบินไทยไปอีกนานนาน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”