หากพูดถึงหนึ่งแบรนด์เครื่องสำอางที่กลายเป็นกระแสโด่งดัง เพราะอิทธิพลเจ้าของ หนึ่งในนั้นต้องมี "Fenty Beauty" ของแม่รีรี ติดอันดับหนึ่งแน่ๆ เพราะการถือกำเนิดขึ้นของแบรนด์นี้ทำให้นักร้องหญิงทรงพลังอย่าง "Rihanna" หายไปจากวงการกว่า 7 ปี จนถึงขั้นที่แฟนคลับให้ฉายาใหม่ว่า แม่ค้า และรอวันที่กลับคืนสู่การทำเพลงอีกครั้ง
แน่นอนว่าหลัง Fenty Beauty วางขาย เครื่องสำอางแบรนด์นี้ก็ได้ครองใจหลายคนในตอนนี้ เพราะโปรดักต์ของเขาเรียกได้ว่า จึ้ง ใช้ดี ไม่มีที่ติ ตอบโจทย์สภาพผิวจริงแถมมีเฉดสีให้เลือกอย่างหลากหลาย และที่สำคัญยังสร้างรายได้แบบ Better Have My Money ให้รีฮันนากลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
จุดเริ่มต้นง่ายๆ คือ รักการแต่งหน้า รีฮันนาเล่าว่า เธอไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไปที่หลงใหลกับลิปสติกของแม่ เมื่อโตขึ้นก็หลงใหลในผลิตภัณฑ์ความงามมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเล่าว่า การแต่งหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงออกถึงตัวตน ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการถ่ายทอดอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเธอ การแต่งหน้าทำให้เธอรู้สึกสวยขึ้น มั่นใจและกล้าหาญขึ้น ช่วยให้เธอกลายเป็นไอคอนที่ทลายทุกขอบเขตอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม เธอพบว่า เครื่องสำอางหลายยี่ห้อบนโลกนี้ ไม่ได้ทำเฉดสีที่หลากหลายเพื่อให้เข้ากับสีผิวของทุกคนได้ทั้งหมด บางคนต้องกังวลกับการแต่งหน้าเพราะหารองพื้นที่เหมาะกับสีผิวไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงอีกหลายคนแน่นอน เธอจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้
ปี 2014 “Fenty Beauty” ชื่อแบรนด์ที่ตั้งตามนามสกุลของเธอ Robyn Rihanna Fenty เริ่มต้นพัฒนาขึ้นด้วยความตั้งใจในการผลิตเครื่องสำอางที่เหมาะกับทุกสีผิว และทุกสภาพผิวสำหรับผู้หญิงทั่วโลก โดยเฉพาะการมุ่งไปที่โทนสีผิวที่มักจะหาเครื่องสำอางยาก เพราะเธอต้องการให้การแต่งหน้าเวิร์กสำหรับผู้หญิงทุกคน
Fenty Beauty ตัดสินใจร่วมมือกับ LVMH ถือหุ้นคนละ 50% เพื่อเริ่มต้นการผลิตออกสู่ตลาด โดยเปิดตัวครั้งแรกในงาน New York Fashion Week โดยร่วมมือกับ Puma จัดแสดงไลน์อัปโชว์เครื่องสำอางเป็นครั้งแรกควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ของ Puma ที่นับเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เครื่องสำอาง
จนกระทั่งปี 2017 Fenty Beauty ออกวางขายพร้อมกันทางออนไลน์และในร้านค้า 1,620 แห่งในกว่า 17 ประเทศในวันเดียวกันในเวลาเดียวกัน โดยสามารถทำยอดขายได้ 100 ล้านดอลลาร์ใน 40 วันแรกในตลาด ปัจจุบันมีจำหน่ายใน 29 ประเทศ
สิ่งที่ทำให้ Fenty Beauty นั่งในใจผู้ใช้ อันดับแรก คือ แนวคิดการปลุกปั้นแบรนด์ของรีฮันนานั้นตรงไปตรงมาที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจน จากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในวงกว้างอย่างแท้จริง สีสันที่หลากหลายเป็นที่ถูกใจของผู้ที่ชื่นชอบการแต่งหน้า เฉดสีที่ครอบคลุมความละเอียดของผิวทุกแบบ เข้าถึงทุกคนได้ตั้งแต่ผิวสีอ่อนที่สุดไปจนถึงผิวคล้ำที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นรองพื้นตัวดัง Pro Filt'r Soft Matte Longwear Foundation กว่า 50 เฉดสีในปัจจุบันที่ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ ‘Standard of inclusivity for skin tones' คลีมบลัชเฉดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่กลบ Match Stix คอนซีลเลอร์ คอนทัวร์ ไฮไลเตอร์กว่า 30 แบบ หรือลิปกลอสสีโรสโกลด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสี Universal ที่หลายคนชื่นชอบจนเรียกได้ว่าทำให้เทรนด์ลิปกลอสค่อยๆ เข้ามาแทนที่เนื้อแมตต์หลังจากนั้น
แน่นอนว่า การสื่อสารถึงความหลากหลาย “Beauty for All”, "All skin tones" หรือ "Every type of woman" ไม่ใช่เรื่องใหม่และเป็นวิธีการทางการตลาดที่ช่วยเติมภาพความเท่าเทียมได้จริง แต่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่นำผู้หญิงผิวคล้ำมาเป็นพรีเซนเตอร์แล้วจะปัง หรือชูแนวคิดในการส่งเสริม Individual & inclusive แล้วจะประสบความสำเร็จ
“Fenty Beauty สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อทุกคน เพื่อทุกเฉดสี ทุกบุคลิก ทัศนคติ วัฒนธรรม และเชื้อชาติ และทุกคนควรรู้สึกสนุกสนานเมื่อได้แต่งหน้า รู้สึกมีอิสระที่ได้ลอง ได้ตามใจตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำ ไม่ใช่รู้สึกกดดัน เพราะการแต่งหน้านั้นไม่มีผิดไม่มีถูก”
วิสัยทัศน์ของเธอกลายเป็นแคมเปญสื่อสารหลักที่ทำให้การสื่อสารด้านอื่นๆ สอดคล้องตามมา อย่างไรก็ตามการสื่อสารเรื่องความหลากหลายจะไม่ได้ผลหากปราศจากการกระทำ เราจึงจะเห็นการสื่อสารของ Fenty Beauty ที่มากกว่าความสวยงาม แต่เน้นการแบ่งปันเรื่องราวที่แท้จริงซึ่งมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและมีความหมายทางอารมณ์ต่อผู้ใช้ ซึ่งจะเห็นว่า Fenty Beauty สร้างคอมมูการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียเป็นประจำ รวมถึงการถ่ายภาพนางแบบที่หลากหลายสไตล์จากทุกเชื้อชาติในฐานะผู้เผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของส่งผลให้เกิดกระแสฮือฮาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรมความงาม
ความอินในแบรนด์ Fenty Beauty เกิด "Fenty Effect" ที่ผู้ใช้รวมตัวเรียกร้องให้อุตสาหกรรมความงามสร้างความเปลี่ยนแปลงและท้าทายสภาพที่เป็นอยู่ ทำให้หลายๆ แบรนด์หันมาขยายไลน์เครื่องสำอางให้มีความครอบคลุมผู้ใช้งานมากขึ้น ขยายช่วงเฉดสีเพื่อรองรับสีผิวที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้หลายแบรนด์พยายามหันมาใช้รูปภาพของนางแบบผิวสี การถ่ายภาพโปรโมตที่มีแถวของแขนที่มีแถบสีสวอชในโทนสีผิวที่แตกต่างกัน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นต่อความหลากหลาย
แม้ว่า Fenty Beauty จะนับเป็นแบรนด์สดใหม่ในตลาด แต่ Fenty Beauty ก็ได้รับความสนใจ ความไว้ใจและเสียงชื่นชมจากผู้ใช้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นความต้องการเครื่องสำอางที่หลากหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Fenty Beauty สร้างเครื่องสำอางที่ลดความเจ็บปวดของผู้บริโภค ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์ความงามอื่นๆ ที่ยังไม่มีนวัตกรรมและสื่อสารไปพร้อมๆ กันในขณะนั้น
Fenty Beauty ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของปี 2017 เป็นแบรนด์ที่ร่ำรวยที่สุดในการจัดอันดับ 10 อันดับแรกของ Cosmetify ในปี 2023 ทำรายได้ต่อปีอยู่ที่ 582 ล้านดอลลาร์ และยังคงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน แถมอุ่นใจได้แล้วเพราะตอนนี้รีฮันนาทำให้แฟนๆ กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากกลับคืนสู่อุตสาหกรรมเพลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปีนี้
“ฉันไม่เคยคิดว่าจะผู้หญิงจะมีความรู้สึกร่วมกับแบรนด์ขนาดนี้ บางคนค้นพบเฉดสีรองพื้นของตัวเองเป็นครั้งแรก และร้องไห้ที่หน้าเคาน์เตอร์ และนั่นคือสิ่งที่ฉันจะไม่มีวันลืม”
อ้างอิง Vogue , Theeverygirl , Marketingsociety