กลุ่มสยามพิวรรธน์เตรียมตัวรุกตลาดต่างประเทศ

ศูนย์การค้าในเครือที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้กลุ่มวันสยาม (OneSiam) ที่ประกอบด้วย สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามพารากอน 3 ศูนย์การค้าใจกลางเมืองได้ยกระดับการเป็นจุดหมายปลายทางของผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก

เมื่อผนวกกับสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ที่ร่วมทุนกับ “ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” เจ้าของพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตที่มีสาขามากที่สุดในโลก และไอคอนสยามที่ได้ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมเพื่อการพักอาศัยและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในยุคนี้ไอคอนสยามนับเป็นหนึ่งในสถานที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเด็ดขาด จะต้องมาซึมซับสถาปัตยกรรมและแหล่งรวมหัตถศิลป์และนวัตศิลป์ ตลาดน้ำไปจนถึงสินค้าลักชัวรีซุปเปอร์แบรนด์ระดับโลก ร้านค้าเทคโนโลยีและแอปเปิลสโตร์สาขาแรกของประเทศไทย ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

โดยทางกลุ่มสยามพิวรรธน์เดินหน้าร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง จัดงานเคาต์ดาวน์ที่ไอคอนสยามปีที่ผ่านมาได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ประเทศทั่วโลกที่นักท่องเที่ยวควรมาร่วมงาน การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ การสร้างซอฟต์เพาเวอร์ รวมไปถึงการจัดอีเวนต์ระดับโลกจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้พิสูจน์ในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญระดับโลก (World–class Desti nation) ที่ได้รับการยอมรับนับถือในเวที พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดดเด่นจนต่างประเทศได้เชิญไปพัฒนาศูนย์ การค้าเพื่อสร้างแลนด์ มาร์กระดับโลกเหมือนในประเทศไทย

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า ปัจจุบันวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เริ่มตื่นตัวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19 ซึ่งในหนึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่มสยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับต้นๆ จากหลายประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าต่างๆของสยามพิวรรธน์จำนวนมาก ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้สยามพิวรรธน์ไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์กในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย

ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งนอกจากจะมีแผนการลงทุนภายในประเทศแล้ว คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบที่จะศึกษาการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัท คาดว่าจะทำแผนเสร็จสมบูรณ์และประกาศได้ต้นปี 2567

เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์และการขยายธุรกิจระยะยาว บริษัทจึงได้ลงนามแต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงิน ศึกษาเรื่องการระดมทุนที่เหมาะสม รวมทั้งความเป็นไปได้ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมีรายได้เติบโตกว่า 25% จากปีก่อนหน้า อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยามอันประกอบด้วย สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มากถึง 45 ล้านคน เติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา

ส่วนไอคอนสยามซึ่งในปัจจุบันเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในหลายประเทศว่า เป็นโครงการที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการเมือง ที่รวบรวมความครบครันของการช็อปปิ้ง เอนเตอร์เทนเมนต์ ศิลปวัฒนธรรมและนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสบาย โรงแรมและคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยเหนือระดับ

รวมทั้งการตอบ โจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รองรับด้วยการสัญจรที่เชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว อีกทั้งเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้อยากมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากนั้น ในปัจจุบันไอคอนสยามมีจำนวนลูกค้าแตะวันละ 100,000 คน และใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนผู้ที่มาใช้บริการในไอคอนสยามทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกันถึง 15.5 ล้านคน ซึ่งเติบโตจากปี 2565 อย่างมากถึง 70%

นางชฎาทิพ กล่าวว่า

นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะนำกลุ่มสยามพิวรรธน์ที่จะก้าวออกไปสู่ต่างประเทศ พิสูจน์ได้ว่าธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ของไทยอยู่ในระดับโลกที่จะสร้างสรรค์คอนเซปต์ใหม่ๆ แลนด์มาร์กใหม่ๆให้กับประเทศที่มองไทยเป็นแม่แบบในการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ.

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th