นายธนโชติ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกุ้ง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นได้ทำการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะแม้จะผ่านกระบวนการบำบัดแล้วแต่ได้เกิดความกังวล โดยเฉพาะจีนประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากบริเวณดังกล่าวและใกล้เคียงเป็นเวลาถึง 10 ปีนั้น ในส่วนของบริษัทซึ่งผู้นำเข้าและผู้ผลิตอาหารทะเลคุณภาพระดับโลกได้นำเข้าอาหารทะเลโดยเฉพาะหอยและปลาฮามาจิในสัดส่วนถึง 30% และคำสั่งซื้อก่อนเกิดปัญหาได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากมีความเสี่ยงสูง ลูกค้าได้หยิบยกมาเป็นเงื่อนไขอาจจะต้องเปลี่ยนแหล่งนำเข้าหรืออาจจะเจรจาเปลี่ยนผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อจัดส่งต่อไป โดยคำสั่งซื้อล่าสุดมีสต๊อกไว้จนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับตลาดอาหารทะเลพร้อมทานในประเทศปีที่ผ่านมามีอัตราขยายติดลบ 4.6% สาเหตุหลักเนื่องจากผู้บริโภคออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นหลังจากโควิด-19 คลี่คลายลง โดยกลุ่มอาหารทะเลพร้อมทานติดลบสูงสุดถึง 12.6% และกลุ่มอาหารทะเลที่ผลิตจากแพลนต์เบสติดลบ 7.7% ส่วนตลาดอาหารทะเลชุบแป้งทอดเติบโตถึง 10.2% จากทิศทางการเติบโตดังกล่าวทางบริษัทได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการรุกตลาดอาหารทะเลพร้อมทานและปรุงกุ้งชุบแป้งซีรีส์ใหม่ 4 เมนู 4 สไตล์ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าลุยครองใจคนรุ่นใหม่คือ กุ้งไส้เชดดาร์และครีมชีส, กุ้งเทมปุระ สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมน้ำจิ้มเทมปุระ, ทอดมันกุ้ง พร้อมน้ำจิ้มบ๊วย และกุ้งกรอบ พร้อมซอสทาร์ทาร์ ภายใต้แบรนด์คิวเฟรช (Qfresh) จำหน่ายในราคาแพ็กละ 145 บาทเพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าอายุ 30 ปีขึ้นไป พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปีนี้สำหรับตลาดผู้บริโภคไว้ที่ 230 ล้านบาท เติบโต 4-5%.