นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารได้ผ่านช่วง Digital disruption จากการที่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเข้ามาแข่งขันในภาคเงิน พบว่า มีบริษัทเพียง 5% เท่านั้นที่สามารถทำกำไร และตลาดธนาคารดิจิทัลยังมีผู้เล่นน้อยราย ทำให้ปัจจุบันมีธนาคารดิจิทัลเพียง 250 แห่งทั่วโลก ประกอบกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไปในช่วงโควิดซึ่งพบว่ากว่า 94% มีความต้องการใช้บริการการเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสให้ไทยพาณิชย์ยกระดับองค์กรสู่ธนาคารดิจิทัลที่เป็นอันดับ 1 ด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อภายในปี 2568
ทั้งนี้ธนาคารมองเห็นการเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางในภูมิภาคอาเซียนที่จะเพิ่มขึ้นกว่า 65% ในอีก 10 ปี โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจการลงทุน แม้จะยังมีเงินลงทุนไม่มาก แต่สามารถหารายได้ได้เยอะ การปรับตัวเป็นธนาคารดิจิทัลจะทำให้สามารถตอบรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะกลายมาเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพในอนาคต ด้วยการเป็นผู้ช่วยวางแผนการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งสอดคล้องกับฐานลูกค้าเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนระดับกลางไปจนถึงกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งสูง
ด้วยการขยายการทำงานให้เชื่อมโยงกันระหว่างจุดให้บริการลูกค้าทั้งในโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง ตามวิสัยทัศน์ Digital Bank with human touch มีการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาประสบการณ์ใช้งาน เสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล กระตุ้นให้ลูกค้ามองเห็นโอกาสในการลงทุน
สำหรับเป้าหมายปี 2566 ธนาคารมุ่งเน้นการสร้างสมดุลของการขยายพอร์ตสินเชื่อควบคู่กับการรักษาคุณภาพ โดยตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อไม่เกิน 5% และสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 40%
หลังจากสามารถปรับธนาคารให้เป็นดิจิทัลอย่างครบวงจรตามแผน 3 ปี คาดว่าในปี 2568 จะสามารถเป็นเจ้าตลาดด้านการบริหารความมั่งคั่ง และลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ให้ต่ำกว่า 40%.