ปล่อยให้ลูกร้องจนหลับไปเองตอนกลางคืนดีไหม หรือจะโอ๋ดีนะ เพราะเด็กอ่อนมักจะร้องเพื่อเรียกความสนใจจากพ่อแม่ให้ตอบสนองความต้องการของตัวเอง สิ่งที่ท้าทายและยากมากสำหรับพ่อแม่มือใหม่คือจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเราต้องการอะไร
แยกแยะเสียงร้องให้ออก
สิ่งเดียวที่จะทำให้พ่อแม่รู้ได้ก็คือการสังเกต พ่อแม่ควรสังเกตเสียงร้องของลูกตั้งแต่ตอนเริ่มต้นที่พาเขากลับบ้าน ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้แยกแยะได้ใกล้เคียงและเร็วขึ้นเท่านั้น เสียงร้องของเด็กก็มีน้ำเสียงที่บอกให้รู้ว่ามีอารมณ์แบบไหน เช่น ร้องบอกว่าผ้าอ้อมแฉะหมดแล้ว รีบมาเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้ หรือเพราะหิว ลองสังเกตดูสักพัก คุณก็พอจะบอกได้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการสื่อสารที่ดีระหว่างคุณกับลูกน้อย นอกจากจะทำให้คุณเหนื่อยน้อยลงแล้ว ถ้าคุณเดาความต้องการของลูกได้ถูกต้องจากการสังเกตของคุณเอง จะทำให้รู้สึกว่าคุณกับลูกคุยกันรู้เรื่อง คุณจะไม่รำคาญเมื่อได้ยินลูกร้อง เพราะมันเหมือนกับเขากำลังคุยหรือบอกอะไรคุณด้วยภาษาของเขาเองก่อนที่เขาจะโตพอที่คุณจะสื่อสารด้วยคำพูดได้ พยายามสังเกตและแยกให้ออกว่าลูกกำลังบอกอะไรคุณ
ปล่อยให้ลูกร้องสักพัก
ยิ่งคุณสังเกตตั้งแต่ต้นเวลาลูกร้องว่าร้องเพราะอะไร นอกจากจะทำให้คุณเริ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแยกแยะเสียงร้องของเด็กอ่อนแล้ว ยังทำให้คุณรู้ว่าถ้าร้องแบบนี้ ไม่ต้องรีบไปดู ปล่อยให้ร้องอีกหน่อยแล้วค่อยไปก็ได้ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันก็เป็นการฝึกวินัยเด็กอ่อนด้วยว่าบางครั้งต้องรอ จะได้ไม่เป็นเด็กที่เอาแต่ใจ ต้องการอะไรต้องได้ในทันที ถ้าเป็นแบบนี้ พ่อแม่รับมือไม่ไหวแน่ๆ ปล่อยให้ลูกร้องสักพักเป็นการฝึกวินัยเด็กให้รู้จักการรอคอยตั้งแต่แบเบาะบ้าง
...
ความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ปล่อยให้ลูกร้องจนเสียงแหบเสียงแห้งอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ทั้งสิ้น เพียงแต่อย่าลืมว่าพ่อแม่ที่สังเกตพฤติกรรมการร้องของลูกและแยกแยะให้ออกตั้งแต่เริ่มต้นจะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย ทั้งพ่อแม่และตัวเด็กเองที่เหมือนสื่อสารกันได้ดีในระดับหนึ่ง เสียงร้องของลูกที่คุณต้องรีบดูแลก็เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม หิว ร้อนไปหรือหนาวไป แต่ในบางครั้งถ้าไม่สำคัญนัก ก็ถือว่าเป็นการฝึกวินัยการรอและออกกำลังปอดของเด็กไปในตัว.