รอง ผวจ.ปทุมธานี เป็นประธานในพิธีมอบอาหารพระราชทาน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

@สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รอง ผวจ.ปทุมธานี เป็นประธานในพิธีมอบอาหารพระราชทาน “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วันก่อน.@

พวกป่วนสถานการณ์โควิดทำร้ายประเทศ หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2564

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...แม้ในห้วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องกักตัวตามกฎสาธารณสุข เพราะอยู่ในกลุ่มมีความเสี่ยง เพราะสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงไปเปิดโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค. แต่ระหว่างกักตัวก็ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างวันก่อน นายกฯประยุทธ์ ร่วมเป็นประธานรับมอบวัคซีนป้องกันโควิด จำนวน 1,053,090 โดส ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย และ นาชิดะ คาซูยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมมอบสารจาก ซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง นายกฯประยุทธ์ โดยระบุว่า นับถือ รัฐบาลไทย ในการจัดการมาตรการโควิด หวังว่าการมอบวัคซีนครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้มาตรการฉีดวัคซีนไทยราบรื่นยิ่งขึ้น และหวังว่ามิตรภาพที่มีจะช่วยให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันกลับมาสู่การเดินทางไปมาหาสู่กันด้วยรอยยิ้มเร็วที่สุด...มิตรประเทศต่างให้กำลังใจกันในยามที่ทุกประเทศเผชิญวิกฤติไวรัสมรณะ

เฮ้อ...ในห้วงที่ยังมีการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันถึงคุณภาพวัคซีนแต่ละยี่ห้อที่มีใช้อยู่ในประเทศไทย สามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสกลายพันธุ์ได้มากน้อยแค่ไหน ประกอบกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ออกมาแถลงผลการประชุม คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ให้แก่ประชาชน เป็นคนละชนิดกัน โดยจะให้ฉีด ซิโนแวค เป็นเข็มแรก และ แอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่สอง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ไวรัสโควิด เชื้อกลายพันธุ์ เดลตา (อินเดีย) ที่กำลังระบาดในประเทศไทย และทั่วโลก ส่วนบุคลากรด่านหน้า ที่ฉีด วัคซีนซิโนแวค มาแล้ว 2 เข็ม จะให้ฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่ 3 หรือเข็มบูสเตอร์โดส เพื่อกระตุ้น ภูมิคุ้มกัน โควิดเดลตา

ทำให้มีเสียงวิจารณ์อื้ออึงว่าเป็นการเอาประชาชนมาเป็น หนูลองยา ยิ่งมีสื่อบางสำนัก แปลคำแถลงของ ดร.โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO มานำเสนอแบบตัดตอนว่า ประชาชนไม่ควรฉีดวัคซีนสลับชนิด (Mix And Match Vaccine) จากบริษัทผู้ผลิตต่างกัน ก็ยิ่งทำให้เกิดความสับสนอลหม่านกันไปหมด ถึงขั้นมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ทบทวน เรื่องการฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน...แต่สุดท้าย สวามีนาธาน ได้ทวิตเตอร์ชี้แจงในเวลาต่อมาถึงถ้อยแถลงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ว่า “บุคคลใดๆไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง หน่วยงานของรัฐด้านสาธารณสุขสามารถทำได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ โดยจำเป็นต้องประเมินความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย”... กลายเป็นคนละมุมไปเลย

ล่าสุด เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่า สิ่งสำคัญช่วงเวลานี้คือเร่งฉีดให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะ สายพันธุ์เดลตา มีการระบาดที่รุนแรง และติดต่อได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา และกำลังเป็นปัญหาทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย โดยวัคซีนทุกชนิดสามารถลดความรุนแรงและลดความเสี่ยงเสียชีวิต ขณะที่ การวิจัยในไทย ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางแก้ปัญหาที่แสดงถึงความพยายาม คณะแพทย์ไทย ที่ไม่หยุดคิด ไม่ยอมแพ้กับปัญหา หาทุกวิถีทางให้ดีที่สุด และทำอย่างเป็นระบบ ครั้งนี้ก็พยายามเอาชนะ สายพันธุ์เดลตา และหวังประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับ น่าเชื่อถือ แล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในที่สุด และให้ความรู้อย่างรอบด้านแก่ประชาชน โดยที่การใช้ วัคซีนผสมสูตร หรือ สลับสูตร ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติออกมานั้น นายกฯประยุทธ์ ไม่มีนโยบายที่จะระงับการใช้ วัคซีนผสมสูตร แต่อย่างใด และขอให้ทุกฝ่ายรับฟังความเห็นของ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อนำมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วย ทั้งนี้ในเรื่องการใช้วัคซีนผสมสูตร นายกรัฐมนตรีได้ขอให้คณะแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดต่อไป

ประสา “ธนูเทพ” ไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์แต่ให้ความเชื่อมั่น คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระดับอาจารย์หมอของไทย ที่ระดมสมอง ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยตามหลักวิชาการ ก่อนออกมาตรการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแต่ละขั้นตอน ที่ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว เพียงแต่ยังมีปัญหา ด้านการสื่อสาร...ยิ่งมีปัญหา การเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด โดยคนบางกลุ่ม บางฝ่าย ต้องการใช้ วิกฤติโควิด มาดิสเครดิตรัฐบาล เห็นช่องโอกาสที่จะโค่น นายกฯประยุทธ์ จึงพยายาม โหมกระพือทุกเรื่อง เพื่อให้ประชาชนคล้อยตามว่าเป็นผลของ ความผิดพลาดล้มเหลว ถึงขั้นโจมตี บรรดาอาจารย์หมอ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด ที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชน มีความปลอดภัยจากไวรัสมรณะ ไม่แยกแยะ ระหว่าง ทัศนคติทางการเมือง กับการทำงานของคณะแพทย์ที่ต้องทุ่มเทต่อสู้กับไวรัสโควิด เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทั้งประเทศ...เอาแต่ปล่อยข้อมูลปั่นป่วนสร้างความสับสนในสังคม ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของไทย เพื่อความสะใจ และเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง... คนพวกนี้แหละที่บาปหนา สมควรถูกประณาม แสวงอำนาจบนความตายของประชาชน

ฮัดชิ้ว...นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกมาให้ข่าว จากการตรวจเชื้อในแคมป์คนงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน กทม. จำนวน 200 กว่าคน พบการติดเชื้อในลักษณะ Mix infection หรือติดเชื้อแบบผสมทั้ง อัลฟา (อังกฤษ) และ เดลตา (อินเดีย) จำนวน 7 คน ดังนั้น หากปล่อยให้เกิด การติดเชื้อแบบผสม เช่นนี้ อาจเกิดการ กลายพันธุ์ ขึ้นมา เราไม่ต้องการให้เกิด ทำให้รัฐบาลต้องล็อกดาวน์ เพื่อลดโอกาสการเกิดการติดเชื้อแบบผสม โดยลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ใช่ประเทศไทยที่เดียว โดย 7 คนที่ติดเชื้อแบบผสมดังกล่าว ขณะนี้อาการยังปกติ แต่ต้องจับตาดูกันต่อไป...ถ้าเชื้อกลายพันธุ์เมื่อไหร่ดูไม่จืดแน่นอน

แน่ๆ...ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงการรับมือสถานการณ์โควิดว่า ผู้ป่วยที่มา โรงพยาบาลศิริราช ผู้ที่มีอาการหนักส่วนใหญ่ยังได้วัคซีนไม่ครบ หรือยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ตรงนี้เป็นความสำคัญที่ย้ำให้มีการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ มีผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่งที่เข้ามาก็พบว่าปอดอักเสบแล้ว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเยอะมาก เสียดายที่มีคนไข้บางคนที่เข้ามา บอกเหตุที่ไม่ฉีดวัคซีน เพราะอยากจะรอวัคซีนปลายปี แต่ไม่ทัน ฉะนั้นอยากฝากไว้ตรงนี้ว่า เราสามารถฉีดวัคซีนเสริมทีหลังได้หากจำเป็นต้องฉีดเสริม แต่ไม่ฉีดวัคซีนเพราะรอวัคซีนดีๆก่อน และมีทั้ง คนไข้ และ ญาติ จำนวนมาก ที่บอกว่า พ่อ แม่ อายุเยอะแล้ว เป็น เบาหวาน ความดัน ไม่อยากเสี่ยงฉีดวัคซีน แต่จริงๆตรงกันข้าม เพราะกลุ่มนี้ควรฉีดให้เร็วที่สุด ทั่วโลกฉีดไปเยอะเห็นความปลอดภัยของวัคซีนมามากแล้ว อย่าดูแค่หนึ่งรายที่มีภาวะแทรกซ้อน แต่กลับไม่ดูคนที่ฉีดแล้วไม่มีอาการแทรกซ้อน ทำให้เลี่ยงไม่ฉีด ก็เสียดายโอกาส ดังนั้น หากมีคิวก็ขอให้ไปฉีดเลย...ถ้าไม่เชื่อ อาจารย์หมอ ก็ต้องทำใจเสี่ยงชีวิตกับ เชื้อไวรัสมรณะที่อยู่รอบตัว กันต่อไป

อืม...ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุม วิป 3 ฝ่าย มีมติให้งด ประชุมสภาฯ 2 สัปดาห์ โดยจะเริ่มประชุมอีกครั้งในวันที่ 29-30 ก.ค. ...ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เพราะมี ส.ส.บางคน กรรมตามสนองติดโควิด

สังคมทั่วไป...อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษ ผ่านระบบออนไลน์ เรื่อง “แนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจไทยแลนด์ริเวียรา” ในการประชุม National Charter City Talks ครั้งที่ 8 วันที่ 16 ก.ค. 10.00-16.30 น.

"ธนูเทพ"