นั่งแท่นเป็นผู้บริหารสาวแถวหน้าที่น่าจับตามอง หลุยส์ เตชะอุบล ทายาทเจ้าของอาณาจักรคันทรี่ กรุ๊ป ที่ชื่นชอบการลงทุนมาตั้งแต่เด็ก เป็นนักลงทุนที่สั่งสมประสบการณ์จนเชี่ยวชาญ และได้ก้าวเข้ามาเป็นซีอีโอของบริษัทลงทุนชั้นนำ

ผู้บริหารสาวรุ่นใหม่ “หลุยส์” เล่าว่า เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว อรวรรณ-สดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ด้วยความที่เป็นลูกสาวพ่อกับแม่จึงอยากให้เรียนรู้ทางด้านการเงิน เพราะพ่อเป็นนักธุรกิจ แม่ก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตอนเด็กเธอไปอยู่ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่ 3 ขวบ เมื่อเรียนได้เกรดเอ พ่อจะให้เงินเป็นรางวัล เธอจึงเอาเงินที่ได้มาลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ตอนอายุ 10 ขวบ โดยให้แม่ซื้อหุ้นบริษัทที่ตัวเองรู้จักและชอบกิน อย่างโค้ก และแมคโดนัลด์ จุดประกายการเป็นนักลงทุนมาตั้งแต่เด็ก เลยคิดว่าโตขึ้นอยากเป็น Investor พอโตจึงเรียนทางด้านการเงิน โดยจบปริญญาตรีไฟแนนซ์ ที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วมาเรียนต่อปริญญาโท ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ การทำงานเริ่มต้นด้วยการเป็นโบรกเกอร์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่หลายปี ก่อนจะนำประสบการณ์มาช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว ที่บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซันฯ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นบริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป โดยนั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ทำงานในตำแหน่งนี้อยู่ 4-5 ปี จึงออกมาเป็นนักลงทุนอิสระ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทต่างๆมากมาย รวมทั้งบริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุน ที่มีวิสัยทัศน์ลงทุนเพื่อคนรุ่นใหม่ โดยเธอได้ก้าวเข้ามานั่งเป็นประธาน กรรมการบริหาร

“หลุยส์ ออกมาเป็นนักลงทุนอิสระอยู่หลายปี ตอนนี้ได้เข้ามาทำงานบริหารด้วย เพราะเห็นว่าบริษัทไทรทัน โฮลดิ้ง มีศักยภาพที่ดี แข็งแรง ถือว่าเป็นบริษัทที่สามารถพัฒนาไปได้อีกไกล ด้วยความที่เราเป็นนักลงทุนอยู่ในวงการนี้มานาน เวลาทำงาน หลุยส์ จึงมีจุดยืนของเรา คือไม่เคยเอาเปรียบใคร เราทำงานบริสุทธิ์ใจ แล้ว หลุยส์ เป็นคนพูดตรง คนที่ทำงานด้วยจะรู้ว่าเป็นคนตรง ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ หลุยส์ เรียนรู้ว่าการทำงานกับคนต้องใจเย็นๆ เราต้องทำงานกันด้วย “ใจ” ไม่ใช่ด้วย “เงิน” เพียงอย่างเดียว คือถ้าเขาทำงานอย่างมีความสุข มีใจในการทำงาน เขาก็จะทุ่มเทเต็มที่”

...

เมื่อถามถึงสิ่งที่ท้าทายในการทำงาน ผู้บริหารไฟแรงคนนี้ บอกว่า การลงทุนในตลาด หลักทรัพย์กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเธอไปแล้ว ความท้าทายของการลงทุนของเธอตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเงินว่าจะได้กำไร แต่เป็นความรู้สึกดีที่ได้วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด หลักทรัพย์ได้ถูกต้อง ลงทุนได้ถูกจังหวะ ซึ่งปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนสิ่งแรกคือ จะดูตัวเลขทางการเงินของบริษัทอย่างน้อยเกิน 5 ปี ดูว่าเขาทำอะไร อย่างไร ต้องเป็นธุรกิจที่กำลังโตในอนาคต ไม่ใช่กำลังดับ จากนั้นดูผู้บริหาร ทีมงาน ต้องน่าเชื่อถือ สุดท้ายคือ จังหวะ รู้ว่าตอนไหนควรเข้าไปลงทุน...

นี่คือส่วนหนึ่งของเคล็ดลับความสำเร็จของผู้บริหารสาวรุ่นใหม่คนนี้.