โด่งดังชั่วข้ามคืน สาวไม่สวยแต่เซลฟ์เว่อร์ 'ป่าน' ณิชาภัทร สุภาพ พูดชื่อนี้ไปแล้วคุณผู้อ่านต้องร้อง

เอ๊ะ! เธอคือใครกัน ทำไม Thairath Talk Freshให้ความสนใจในตัวเธอ ทว่าเราจะบอกว่าเธอคือสาวไทยคนแรกและคนเดียว ที่ได้ไปร่วมงาน MET GALA 2018 งานยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่มหานครนิวยอร์ก และงานนี้เปรียบเสมือนเป็นงานรางวัลออสการ์ของคนแฟชั่น เธอเล่าให้เราฟังว่า 'ยอมลงทุนกับตัวเองด้วยการทุ่มเงินกว่า 7 หลัก เพื่อให้ตนเองได้มีรูปในงาน เพียง 1 รูปก็เป็นที่พอใจแล้ว'  

Thairath Talk Fresh ฉกชิงตัวเธอมาพูดคุยถึงประสบการณ์การไปงานระดับโลกให้แฟนๆ คอแฟชั่นที่มีความฝันได้ฟังกันว่า กว่าเธอจะมีวันนี้เธอจะต้องเจอกับอะไรมาบ้าง นอกจากประสบการณ์ขำแล้วๆ คาดว่าเธอยังสามารถให้แรงบันดาลใจกับคนอีกหลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่มีความฝันเหมือนอย่างเธอ

...

Thairath Talk : สาวไทยคนแรกที่ได้ไปร่วมงาน MET GALA

คือตื่นเต้นมาก งาน MET GALA เป็นความฝันสูงสุดของป่านเลยนะ ผู้หญิงคนอื่นเขาอยากจะแต่งงาน แต่ของป่านคือ MET GALA นั่นคือสิ่งเดียว เราไม่ได้อยากไปออสการ์ หรืองานอะไรพวกนี้ เพราะเราไม่ใช่นักแสดง แต่เราทำงานในวงการแฟชั่นค่ะ สิ่งที่คือความฝันสูงสุดของคนแฟชั่นก็คือ ไปงาน MET GALA ที่เป็นเหมือนออสการ์แต่สำหรับคนแฟชั่น เป็นออสการ์ของฝั่งอีสโคท แล้วจุดสำคัญหลักๆ คือไม่ใช่ว่า คือการได้รับเชิญไปงานนี้มันยากมากอะ ไม่ใช่ว่ามีเงินไปซื้อแล้วก็เข้าได้ แต่มันเป็นลักษณะที่ว่ายูต้องได้รับการแอพพรูฟจาก แอนนา วินทัวร์ ยูต้องมีโปรไฟล์ เอาง่ายๆ มีเงินก็ยังเข้าไม่ได้

Thairath Talk : ใช้เวลา 2 ปีในการเตรียมตัว

ป่านโชคดีที่อยู่นิวยอร์กมา 10 ปี ป่านก็เลยมีเพื่อนรู้จักเยอะแยะ ตอนนั้นเรียนหนังสือ แต่พอปี 2015 เริ่มมาทำงาน เริ่มมามีธุรกิจของตัวเอง เริ่มมีเงินแล้ว เราก็เลยเริ่มดูว่าเราจะไปได้ยังไง จริงๆ เราได้รับอนุมัติให้ซื้อตั้งแต่ปี 2016 แล้ว แต่ตอนนั้นจัดไม่เต็มไง ถ้ามีเงินค่าบัตร แต่ไม่ได้มีเงินค่าชุด จัดไม่เต็ม จัดไม่ใหญ่ ไม่ไป เสร็จแล้วเราก็รอเราพร้อม พอปีนี้จริง ปี 2017-2018 เนี่ยเราพร้อมมาจัดเลยค่ะ ใช้เวลา 2 ปีในการเตรียมตัว ในการหาเพื่อนให้เพื่อนช่วย

Thairath Talk : ถ้าไม่แต่งตัว ไม่แต่งหน้า คุณคือคนทำความสะอาด 

คนก็คิดว่าเป็นพนักงานทำความสะอาด เรื่องนี้คือเคยเกิดขึ้นจริงที่ยิมที่นิวยอร์ก ป่านไปออกกำลังกายสองสามครั้งที่ตึกของเทรนเนอร์ แล้วคนเปิดประตูที่ตึกเทรนเนอร์โทรไปบอกว่า เฮ้ย คนทำความสะอาดยูมาแล้ว เขาคิดว่าป่านเป็นคนทำความสะอาด เพราะป่านไม่แต่งตัวเลย หน้าโทรมมาก

Thairath Talk : จุดเริ่มต้นการชอบแฟชั่น 

จริงๆ เราเป็นเด็กเนิร์ดนะ ก็ไม่ได้สนใจ แล้วก็ไม่ได้เป็นไฮโซ หรือเป็นอะไรงี้ด้วย ก็เลยคิดว่างานแฟชั่นตรงนี้ รู้สึกว่าสมัยก่อนตอนเราเด็กๆ มันก็เป็นงานสำหรับคนสวย ลูกไฮโซหรืออะไรอย่างนี้เท่านั้นใช่มั้ย แต่พอตอนหลังมันเปิดกว้างขึ้น รู้สึกว่าใครก็ทำได้แล้ว ป่านรู้สึกว่างานตรงนี้คูลจังเลย เก๋ไก๋งี้ ก็เลยอยากมาทำงานแฟชั่น ไม่ใช่ตอนเด็กๆชอบแต่งตัวหรืออะไร โนๆๆ เป็นเด็กเนิร์ดที่ใส่เสื้อยืดแถม เดินแถวบ้านไรงี้ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่ที่เป็นแบบว่า บางคนที่เขาชอบแฟชั่นตั้งแต่เด็กไปดูกูร์ตูกับคุณแม่ตอน 9 ขวบ หรือว่าใช้ชาแนลตั้งแต่อายุ 11-12 คือป่านเป็นป้าหัวฟู หมีๆ งี้เลย แล้วคือช่วงมาอยู่ ม.ปลาย จะเริ่มแต่งตัว เริ่มอะไรมากขึ้น แล้วก็พอตอนมหา'ลัยก็มีความสนใจมากขึ้นค่ะ


Thairath Talk : ตอนเด็กเพื่อนรังเกียจ


ป่านเนี่ยไม่ได้เป็นคนทำงานที่หวังเงิน คือไม่ใช่ทาร์เก็ตหลักอ่ะ แต่แบบอยากจะเป็นคนคูลอยากจะเป็นคนเก๋ไก๋ เพราะตอนเด็กๆ ตอนอยู่ประถม ป.3-ป.4 หัวมีเหา เพื่อนไม่ให้กินข้าวด้วย เพื่อนบอกว่า ไป! หัวมีเหา ไปนั่งกินข้าวโต๊ะนู้น เพื่อนรังเกียจ โดนเพื่อนล้อ แล้วเราก็เก็บกดเป็นปม ไม่ได้อยู่กับคนคูล อยู่กับเนิร์ดๆ เด็กเรียน เก็ทมั้ย โดนเพื่อนแกล้ง ก็เลยแบบ เฮ้ยมึง! มึงทำแบบนี้กับกู มึงคอยดูกู จริงๆ ป่านเป็นคนที่ค่อนข้างเรียนที่จะโอเค ป่านเป็นหมอได้ เป็นหมอฟันได้ แต่ตอนเด็กๆ ไม่เคยมีความฝันอยากเป็นหมอฟันเลยนะ หรืออยากเป็นหมอหรือวิศวะอะไรแบบนี้เลย อยากเป็นมิสยูนิเวิร์ส อยากเป็นนางงามจักรวาล แบบสวยมาก เหมือนว่าตอนเด็กเราไม่สวยพอ ตอนโตมาเราก็เลยอยากทำอะไรก็ตามเหมือนเป็นว่ามีคุณค่ามากขึ้น เห็นมั้ยคนที่ว่าเราไม่สวย คนที่แบบเคยไม่ไปกินข้าวกับเรา คนที่แบบรังเกียจเรานู่นนี่นั่นอะ มึงดูกูตอนนี้ อะไรทำนองนี้ ป่านคิดว่าการไปเมทบอลคือมาจากตรงนี้ด้วย ปมที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ

...

Thairath Talk :โซเชียลทำให้เราเจอพวกเค้ามั้ย


เขามีลูกมีผัวกันหมดแล้ว คนที่คิดอยู่คนเดียวคือ ป่าน ไม่มีใครสนใจแล้ว แต่บางทีมีเพื่อนสมัยประถมเด็กดี แอดมา จำได้มั้ยเราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน อันนี้ก็เป็นจุดที่ดีใจที่ได้กับไปติดต่อกับเพื่อนค่ะ 

Thairath Talk : ดูแลตัวเองเพื่อ MET GALA

เล่าให้ฟังก่อนอันนี้สุดยอดมาก ตอนเดือนมกราคม ป่านได้รู้ว่าฉันได้รับอนุมัติ และพอเดือนมีนาปุ๊บ เฮ้ยมันใกล้แล้วอะ เมทบอล คือวันจันทร์แรกของเดือนพฤษภาคม ทำยังไงดีมีเวลาเหลือสองเดือน ชุดก็ยังไม่ได้ตัด ป่านเลยไปเข้าค่ายออกกำลังกาย ป่านก็ไปที่นั่นออกกำลังกายวันละสามชั่วโมง ก็กินอาหารเฮลตี้มาก ปกติของทอดน้ำอัดลมนี่ของโปรดเลยนะ แต่ตอนนั้นคือเราไม่แตะอาหารของทอดของมันเลย ปกติป่านการควบคุมตัวเองไม่มี อยากกินอะไรปล่อย อ้วน ดูดไขมันเอาไม่เป็นไร เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ตอนนั้นสตริกมากๆ ในอาหาร ป่านเลยคิดว่าเราก็เลยรู้จริงๆ อันนี้มันสำคัญกับเรามากๆ เลยนะ เพราะว่าเกิดมาในชีวิตเราไม่เคยงดของทอดนานขนาดนี้ แต่นี่งดของทอด 6 อาทิตย์ นานที่สุดในชีวิตแล้ว เพื่อไปงานนี้ ป่านก็ไปออกกำลังกายวันละ 3-4 ชั่วโมง เหงื่อแตกออกมากมาย เพื่อที่จะ Get in Shape ที่จะไปงานนี้ 

...

ต้องดูแลเรื่องผิว ฉีดนู่นฉีดนี่ มันคือความฝัน เก็ทปะ เหมือนผู้หญิงจะแต่งงาน และก็ที่สำคัญเลยให้แม่บินมาอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะมาทำกับข้าวควบคุมอาหาร เพราะแม่ป่านจู้จี้จุกจิก อันนี้กินไม่ได้นะ ไม่ออร์แกนิก อันนี้เขาใช้น้ำมันอะไรทอดก็ไม่รู้ คือแบบรู้สึกว่าแม่มาผอมชัวร์ แล้วก็ออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ที่ยิม ออกกำลังกายกับเขาวันละสองครั้ง

Thairath Talk : ได้ข่าวว่าพอตอนถึงวันจริง เห็นมั่นๆ แบบนี้มีประหม่าเหมือนกัน

...

คือป่านกลัวมาก ดาราเต็มไปหมด ถ้าเกิดคนไม่ถ่ายรูปเราทำไง อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ ป่านมีการเทคช็อตก่อน เพราะว่าต้องเมานิดนึง ถ้าไม่เมาต้องแข็งต้องไม่เป็นธรรมชาติ ต้องกลัวต้องไม่กล้า พอเดินไปถึงต้องวิ่งขึ้นแน่นอน ป่านก็เลยกินไปนิดนึง เอาพอกล้า

Thairath Talk : ขอแค่มีรูปลงอินสตาแกรม

ใช่ค่ะ ขอแค่มีรูปโพสต์ลงอินสตาแกรม 2 รูปเองเท่านั้น เราลงทุนขนาดนี้แล้ว ป่านก็ขออย่างเดียว จริงๆ เลยนะ ขอรูปเดียวลงอินสตาแกรม แล้วเราก็ โอ๊ย ทำยังไงดี ถ้าป่านเป็นคนนิสัยเดิมอะ ไปปุ๊บถึงเวลา สั่น เดินขึ้นเลยแน่นอน ไม่โพสให้ช่างภาพถ่ายแน่ เพราะว่าไม่อยากดูพยายาม ก็เลยกินเหล้าไปนิดนึง เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี กินช็อตไปนิดนึงเพื่อที่จะให้มีความกล้าในระดับหนึ่ง พอเราไปต่อแถว ไม่ว่าคุณจะเป็นดาราดังขนาดไหน ริฮานนาก็ต้องต่อ นอกจากคุณจะเป็นโฮสต์ ซึ่งปีนี้โฮสต์คือ โดนาเทลลา เวอร์ซาเช่, ริฮานนา, อามาล คลูนีย์ หรือ แอนนา วินทัวร์ พอป่านไปเสร็จปุ๊บป่านก็ดูเลย โอ๊ย ตายแล้ว ริต้า โอรา อยู่ข้างหน้า แต่ไม่ใช่ข้างหน้าติดๆ ห่างไปสักพักนึงแล้วคนที่อยู่ที่เหลือก็ไม่ได้เป็นดาราดัง เป็นแขกธรรมดาที่ไปงาน แล้วก็มีป่านแล้วก็เพื่อนป่าน

เพื่อนสาวชาวเวียดนาม แล้วก็ข้างหลังก็ไม่ได้มีใคร มี เวนดี้ เมอร์ด็อก ซึ่งก็ไม่ได้ดังอะไรมากมาย ตอนนั้นเพื่อนไปค่ะ นางก็โพสสวยมากๆ และช่างภาพก็ถ่ายรูปนาง กูเบาใจแล้ว ได้แน่หนึ่งรูป อย่างน้อยถ้าถ่ายรูปนางน่ะ ก็น่าจะถ่ายรูปเรา

MET GALA จะมีบันไดขึ้นใช่มั้ยคะ ตอนนั้นรู้จักช่างภาพคนนึง เขาก็เลยเรียกชื่อ ณิชาภัทร ณิชาภัทร ทางนี้ๆ มูฟวี่สตาร์โมเมนต์มาก พอถ่ายเสร็จปุ๊บ ก็หันมาอีกฝั่งนึง รู้จักช่างภาพอีกคนนึงอยู่ฝั่งนั้น พอมีคนหนึ่งเริ่ม คนอื่นก็เริ่มต่อ คนนั้นก็เรียกณิชาภัทร คนนี้ก็เรียกณิชาภัทร คือแบบสวยมากอ่ะ คุ้มโคตรที่ออกกำลังกายไป ไม่กินของมันไป 

Thairath Talk : ชุดม่วงที่ใส่ราคาเท่าไหร่ 

2 ล้าน ก็ 7 หลักกลางๆ แต่ป่านไม่ได้มองเป็นการลงทุน ได้ผลตอบแทนทางธุรกิจคืน ถึงจะทำงานแฟชั่นก็เถอะ แต่มันคือประสบการณ์เต็มรูปแบบของเรา คือทำไปเพราะมีความสุข อยากทำ 

Thairath Talk : ทำไมต้องลงทุนกับแฟชั่นขนาดนี้ 

ก็อย่างที่บอกเป็นความฝัน คนอื่นเค้าอาจจะลงทุนกับงานแต่งงาน แต่ป่านยังไม่ได้แต่งงานนะคะ เพราะฉะนั้นจีบได้ งานนี้มันเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ

Thairath Talk : เกินฝัน ตายตาหลับ 

เราเป็นใครเราก็เด็กธรรมดาคนนึง เด็กเนิร์ดด้วย ป้าหมีตัวอ้วนๆ มีเหา เพื่อนไม่ให้กินข้าวด้วย อันนี้เรียกตายตาหลับ แต่ต้องไปทุกปี นี่คือลิสต์หนึ่งในนั้น ตั้งใจจะไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะเงินมันไปกับการกุศลด้วย แล้วก็เป็นคอร์สที่ป่านอยากจะซัพพอร์ตอยู่แล้ว

Thairath Talk :  แฟชั่นในสายตาคุณ กับแฟชั่นปัจจุบัน เป็นยังไง

แฟชั่นมันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรนะ ในมุมมองของป่าน คือใส่อะไรก็ตามที่เรารู้สึกมั่นใจ สไตล์เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณโดยที่ไม่ต้องพูด สำหรับป่าน แฟชั่น คือ สิ่งที่ใส่อะไรก็ได้ที่เรารู้สึกมั่นใจ ที่เรารู้สึกเป็นตัวเองค่ะ 


Thairath Talk :  ปัจจุบันทำอะไรอยู่

นอกจากจะเป็นบรรณาธิการอิสระให้กับหนังสือโว้คไทยแลนด์แล้ว ป่านยังเป็นเหมือน Creative Consultant ให้กับที่อาจจะเป็นแบรนด์แฟชั่น อาจจะเป็นคนที่อยากมีโปรไฟล์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล หรืออาจจะเป็นโรงแรม หรือ Hospitality อย่างป่านป่านมีเพื่อนเป็นดาราฝรั่งเยอะใช่ปะ ถ้าเกิดโรงแรมอยากจะโปรโมตนิดนึง ป่านก็ให้เพื่อนฝรั่งป่านมาพักได้ หรือว่าพวกแบรนด์เสื้อผ้าอยากให้ดาราฝรั่งใส่ ป่านก็จัดการตรงนี้ให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่ป่านทำอยู่ค่ะ

Thairath Talk : เสื้อผ้าต้องแบรนด์เนมทุกชิ้นมั้ย?

ไม่ๆ ตลาดนัดก็มี Zara ก็มี อย่างชุดนี้ก็ Zara แต่แบรนด์โปรดตอนนี้ที่ชอบก็คือ Versace ป่านเพิ่งใส่ไปดูแฟชั่นโชว์ ของ Versace คือชุดนี้ มาจากคอลเลกชั่นรันเวย์ ป่านใส่ชุดนี้ปุ๊บ แล้วก็ใส่เข็มขัดอันนึง แล้วมีชุดนี้ ชุดนี้คือกล้ามาก คิดว่าเหมือน Irina Shayk ปู ไปรยา ปะ ชุดเป็นลาเทกซ์มันเป็นยาง ซึ่งเค้าตัดพอดีตัวเฉพาะตัวเราเลย เหมือนชุดที่น้องปูใส่ น้องใหม่ใส่ (ยิ้ม)

Thairath Talk : คุณเป็นคนเว่อร์ๆ


จริงๆ ไม่มี เพราะเป็นคนชอบซื้อของจริง ใช้ของเป็นแต่ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็ได้ลด 30% บ้าง 40% บ้าง ส่วนใหญ่จะใช้คอนเนกชั่นที่เรามีให้มีประโยชน์ บางทีคนเห็นปุ๊บ อุ๊ยเพิ่งออกรันเวย์มาแล้วซื้อใส่เลย นี่แบบจ่ายราคาเต็ม ไม่ค่ะ บางตัวจ่ายราคาเต็มก็มี แต่ส่วนใหญ่ไม่ 

ส่วนกระเป๋าอย่าถามว่าใบไหนแพงสุด อย่าถามเรื่องราคา เพราะซื้อเซลล์มาหมด แต่ใบนี้ซื้อมาใช้ตอนสมัยเรียนมหา'ลัย แล้วก็พอตอนนี้ Dior มันกลับมาใหม่ ป่านก็เลยไปซื้อสายมา ก็เป็นการใช้วินเทจ Old MiX New

Thairath Talk : คนวิจารณ์แต่งตัวเป็นคน 'บ้า'

ป่านไม่ใช่ดารา ฟอลโลเวอร์เนี่ยในอินสตาแกรมมีอยู่หมื่นเก้า ไม่ถึงขนาดผู้มีอิทธิพลคนอื่น เราเป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีความฝัน เราไม่ได้ต้องมานั่งกลัวใส่ชุดแล้วคิดถึงฟีดแบ็กของสังคมว่า ถ้าเราได้ฟีดแบ็กที่เป็นลบ เราจะสูญเสียพรีเซ็นเตอร์ เสียเงินสิบล้าน "เงิน ความสุขของป่าน เพราะฉะนั้นป่านจะใส่อะไรที่ป่านอยากใส่ ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร"

อยากพูดก็พูดไป แต่มาฟอลโลว์ไอจีหน่อย อยากได้ฟอลโลว์เพิ่ม เราไม่ปิดคอมเมนต์ไอจีอยู่แล้ว มาด่าจ้ะ ฝากร้านได้ ด่าได้อะไรได้ เราไม่ค่อยมี engagement เรามีฟอลโลเวอร์แค่หยิบมือเดียว

Thairath Talk : ไม่แคร์ใครจะพูดอย่างไร

ปกติป่านตอบไดเรกอยู่แล้ว น้องๆ มาบอก พี่คะ ชื่นชมพี่มากเลย สวยเนอะ เราก็..พอน้องเค้าเขียนมาอย่างนี้ มันก็เป็นสิ่งที่สร้างกำลังใจให้เรา เพราะเมื่อก่อนเราก็เป็นเด็กอย่างนี้ ที่มองคนอื่นแล้วก็ชื่นชมเค้า ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเราจะมีโอกาสทำตรงนี้ เพราะว่าเราไม่ได้สวยเหมือนอย่างนั้น เราก็ไม่ได้มาจากครอบครัวไฮโซ ประเทศไทยก็ไม่ได้ให้โอกาส สมัยก่อนอะนะ ประเทศไทยไม่ได้ให้โอกาสคนที่ไม่สวย มีพื้นที่ยืนในวงการแฟชั่นขนาดนั้น

เพราะแฟชั่นสมัยก่อนในประเทศไทยมันยังเล็กอยู่ เพราะฉะนั้นมันจะเปิดให้เฉพาะคนที่มีอภิสิทธิ์เท่านั้นค่ะ

Thairath Talk : คุณถือเป็นคนดังที่ได้ใกล้ชิดกับคนในวงการ HollyWood และดาราไทย เล่าให้เราฟังหน่อย

สมัยเด็กๆ ที่เราอ่านเรื่องดารา เราจะมีจินตนาการอีกแบบนึง แต่พอเราไปแฮงเอาต์แล้วเนี่ยที่คิดว่าไม่พยายามอะ คือพยายามแล้ว คือพยายามมากๆ ปาปารัซซี่ต่างๆ อย่างเราตามข่าวเราจะรู้สึกว่า เค้าอะเข้ามาในที่ส่วนตัวของดารามาก แต่จริงๆ เนี่ย พีอาร์ของดารา หรือนางแบบพวกนี้เป็นคนโทรตาม หรือบางคนที่ไปวันหยุดอะไรแบบนี้ บินพาปาปารัซซี่มาด้วยท จ่ายค่าโรงแรมเพื่อที่จะให้มีรูปออกไป เพื่อที่จะเป็นข่าว รูปก็จะเหมือนแอบถ่ายแต่จริงๆ ยืนเลือกรูปเลยนะ รูปนี้ไม่เอา รูปนี้รีทัชกันก่อนที่จะออกมา เพราะนี่เห็นมากับตา แอบถ่าย

ส่วนดาราไทย รู้จักประมาณนึงค่ะ แต่เราก็ไม่ได้รู้ว่าเรื่องนี้จริงไม่จริง เราก็ไม่ได้อยากเอาเรื่องนี้มาตัดสินเค้า เราไม่ได้รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว ไม่อยากเอาเรื่องเม้าท์หรือข่าว มาตัดสินเค้า ชื่นชมผลงานเค้าอยู่ห่างๆ เพราะว่าก็ไม่ได้สนิทกับใคร


ชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ที่เมืองไทย ใช้ที่ต่างประเทศ พอกลับมาเมืองไทยเนี่ยก็จะไปเม้าท์ๆ กับพี่ที่ออฟฟิศโว้ก และใช้เวลาอยู่บ้านกับครอบครัว ก็ไม่ไ้ด้สนิทกับใครมากค่ะ รู้จักบ้างนิดหน่อย เป็นเพื่อนบ้างนิดหน่อยอย่าง น้องปู ไปรยาก็เคยทำงานด้วยสักพักนึง แต่ประสบการณ์ที่ทำงานกับปูมา เป็นประสบการณ์ที่บวกทั้งหมด ปูเป็นเด็กน่ารัก แล้วก็เป็นคนเชื่อฟัง เป็นสาวรักเอย

Thairath Talk : คุณว่าวงการแต่ละวงการสีเทาเท่าๆ กันมั้ย

สิ่งที่คุณสงสัยเป็นจริงหมด ดาราส่วนใหญ่อย่างที่บอก ไม่ว่าจะเป็นการเมือง สังคม กีฬา เรื่องของเซ็กซ์ เรื่องของยาเสพติด หรือเรื่องของอะไรก็ตามที่ผิดกฎหมายเนี่ย มีหมด สังคมดาราก็เป็นหนึ่งในนั้น บอกเลยว่าข่าวที่อ่านส่วนใหญ่ในฮอลลีวูดเป็นเรื่องจริงหมด ข่าวเมืองไทยส่วนใหญ่ก็เรื่องจริง คนชอบบอกว่านักข่าวนั่งเทียนเขียน เอาจริงๆ ถ้าไม่มีมูลก็เขียนไม่ได้ เมืองนอกก็เป็นอย่างน้ีเหมือนกัน ที่ออกมาแก้ข่าวคือ ปลอม เมืองไทยเราไม่รู้ แต่เมืองนอกไม่แก้ข่าว แต่อาจจะมีโพสต์ให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูดีนิดนึง แต่ว่าก็ถ้าไม่มีมูล หมาก็ไม่ขี้อะค่ะ

มันมีทุกวงการแหละ มีทั้งนักกีฬา การเมือง ถ้าจะพูดว่าไม่มีเลยมันเป็นไปไม่ได้ มันคือมนุษย์ แล้วนั่นคือด้านมืดของมนุษย์ จะมาเป็นในผู้ชายไม่เป็น ในผู้หญิงเป็นไปไม่ได้ เป้นในเชื้อชาตินั้นเชื้อชาตินี้ มันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมุนษย์ มนุษย์เราไม่มีสีขาวหรือสีดำ มนุษย์เราจะมีสีเทา เทาเข้ม เทาอ่อน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของแต่ละคน แต่มนุษย์สีขาวไม่เคยเห็น

Thairath Talk : แฟชั่นของคุณ คุณคิดว่าให้อะไรกับสังคมมั้ย?

ไม่ได้ให้อะไรสังคม แค่สนุกไปกับมัน ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมันจะมาให้อะไรกับสังคมล่ะ ป่านก็ไม่รู้จะต้องมานั่งตอบป่านใส่แบรนด์นี้มา เค้ามี CSR ที่ดีต่อสังคม ปลอม เดินตลาดนัดข้างล่างก็ซื้อแล้ว เห็นแล้วชอบก็ซื้อ ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น จะว่าตื้นก็ตื้น ไม่อยากตอบแบบสร้างภาพ อยากตอบแบบจริงๆ

ความสะดวกสบาย และอารมณ์ในขณะนั้น วันนี้ฉันตื่นมาอยากเป็นอีแจ๋ว วันนี้ฉันอยากเป็น คิม คาร์เดเชียน วันนี้อยากเป็นคาร์ดิบี มีไปต่อเล็บด้วย หรือบางทีอยากได้ลุคสุภาพ เพราะวันนี้ขี้เกียจ ก็จะเน้นความสะดวกสบาย บางคนเค้าจะเน้นสไตล์แบบคลาสสิก บางคนจะเป็นสไตล์เปรี้ยวอะไรอย่างนี้ แต่ป่านจะมั่วๆ ได้หมด

Thairath Talk : ฝากถึงน้องๆ ที่มีความฝันเหมือนกับเรา 

อยากฝากถึงน้องเด็กๆ ธรรมดาปกติทั่วไปที่มีความฝันนะคะ อย่าให้อะไรก็ตาม มาเป็นจุดสต็อปของเรา อย่ามีข้อแก้ตัว หรืออย่ามองว่า เราไม่สวยพอ เราไม่รวยพอ เราไม่เกิดมาเพื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเรามีความฝันหรืออยากทำมัน เราเริ่มศึกษาเลยว่า การที่จะเริ่มต้นไปถึงจุดหมายตรงนั้น ทำยังไง แต่อย่าศึกษานานนะ คือเริ่มทำไปเลยอะ แล้วก็แก้ไปจุดต่อจุด เพราะว่าถ้าอยู่ตรงนั้นนาน ก็จะไม่ได้เริ่ม ถ้าเริ่มไปปุ๊บแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากตรงนั้น มันก็ไม่ใช่การเสียเวลา เพราะว่ามันก็เป็นการเรียนรู้

Thairath Talk : ความตั้งใจในอนาคต

ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสและเรื่องของการเงินนู่นนี่นั่น ตั้งใจว่าจะไปทุกปี เพราะมีความฝันคือ วันหนึ่งถ้าป่านอายุ 70-80 ปีแล้ว อยากจะจัด Exhibition ชุด

Met Gala ของตัวเอง เอามาใส่หุ่นโชว์ในมิวเซียมปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ไปเรื่อยๆ ตามธีมที่เขามีไว้ อันนี้เป็นความฝัน