สาวๆ ที่ชื่นชอบรสชาติของ "ผลไม้หน้าร้อน" เป็นพิเศษ ช่วงนี้คงจะฟินกันไม่น้อย เพราะได้รับประทานผลไม้อร่อยๆ ประจำฤดูกาลหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มะม่วง มังคุด เงาะ ส้มโอ ชมพู่ ลองกอง ฯลฯ ว่าแต่...รู้หรือเปล่าว่าควรกินแค่ไหน? เท่าไหร่? ถึงจะ "ไม่อ้วน" ไม่ทำให้น้ำหนักตัวพุ่งแบบไม่รู้ตัว!...("สมุนไพรไทย" ตัวช่วย "ลดน้ำหนัก" )
Thairath Women ชวนสาวๆ มาเช็ก "แคลอรี" ใน "ผลไม้หน้าร้อน" แต่ละชนิดกันค่ะ รวมถึงแนะนำ "How to วิธีกินผลไม้"เหล่านั้นในปริมาณที่พอดีๆ กินให้เหมาะสม เพื่อจะได้ "ไม่อ้วน" เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กำลัง "ควบคุมน้ำหนัก" อยู่ในตอนนี้
เช็กแคลอรี "ผลไม้หน้าร้อน"
1. "ทุเรียน"
...
ราชาแห่ง "ผลไม้หน้าร้อน" อย่าง "ทุเรียน" 100 กรัม (ประมาณ 1 เม็ดใหญ่ หรือ 2 เม็ดกลาง) ให้พลังงานมากถึง 165-185 แคลอรี มีข้อมูลจากกรมอนามัยระบุว่า ทุเรียนเม็ดขนาดกลาง 2 เม็ด ให้พลังงานเท่ากับการกินข้าวสวย 2 ทัพพี ถ้ากินเยอะๆ 5-6 เม็ดต่อครั้ง จะมีพลังงานสูงถึง 495 แคลอรี รับรองว่าน้ำหนักพุ่งรัวๆ แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นร้อนในและเจ็บคอด้วย
Don't : ไม่ควรกินเกิน 100 กรัมต่อครั้ง และอย่ากินติดต่อกันทุกวัน ไม่งั้นจะทำให้ป่วยง่าย แถมอ้วนด้วย
Do : เราแนะนำว่าสาวๆ ควรกินแค่ 2 เม็ดกลางต่อครั้งก็พอ และกินแค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
2. "มะม่วง"
"มะม่วงสุก"(How to กิน "มะม่วง" ยังไงไม่ให้อ้วน)มีแคลอรีสูงกว่ามะม่วงดิบ แต่ก็มีประโยชน์มากมาย เช่น มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยระบบขับถ่ายได้ดี โดยในเนื้อมะม่วงสุก 100 กรัม หรือประมาณครึ่งผลจะให้พลังงาน 80-90 แคลอรี แปลว่าถ้ากิน 1 ผลใหญ่ จะให้พลังงานถึง 160-180 แคลอรี และถ้าเลือกกินข้าวเหนียวมะม่วง โดยกินมะม่วง 1 ลูก และข้าวเหนียวมูน 1 ขีด (280 แคลอรี) จะมีพลังงานสูงถึง 160+280 = 440 แคลอรี
Don't : ควรหลีกเลี่ยงข้าวเหนียวมะม่วง เพราะมีทั้งข้าวเหนียวและน้ำกะทิ กินแล้วอ้วน น้ำหนักขึ้นแน่ๆ
Do : หันไปกิน"มะม่วงเปรี้ยว"แทน (มะม่วงดิบ 100 กรัม ให้พลังงาน 60-70 แคลอรี) หรือกินเนื้อมะม่วงสุกเพียวๆ ไม่ต้องมีข้าวเหนียวมูน และจำกัดปริมาณการกิน แค่ 1 ผลต่อครั้ง และกินไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
3. มังคุด
"มังคุด"เป็นผลไม้ฤทธิ์เย็น มักทานคู่กับ"ทุเรียน"เพื่อป้องกันอาการร้อนใน แต่การทานมังคุดที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้สาวๆ อ้วนได้ง่ายเหมือนกันนะคะ เพราะในมังคุด 100 กรัม หรือ 4 ผลขนาดกลาง ให้พลังงาน 82 แคลอรี ถ้ากินครั้งเดียวเป็นกิโล (10-12 ผล) ก็จะได้พลังงานสูงถึง 246 แคลอรีเลยทีเดียว
Don't : เลิกนิสัยเหมากินหมดเป็นกิโลๆ ในคราวเดียว
...
Do : ให้แบ่งกินครั้งละ 4 ผลต่อครั้ง กินไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
4. เงาะ
"ผลไม้หน้าร้อน" อีกอย่างคือ "เงาะ" เนื้อกรอบหวานหอม ไม่น่าเชื่อว่าเงาะเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ มีแคลอรีน้อยกว่ามังคุดซะอีก ในเงาะ 100 กรัม หรือประมาณ 4-6 ลูก ให้พลังงาน 67 แคลอรี ถ้าใครกินเยอะๆ เป็นกิโล (12-18 ลูกต่อ 1 กก.) ก็จะได้พลังงาน 200 แคลอรี
Don't : อย่ากินหมดเป็นกิโลในครั้งเดียว ใช้วิธีเดียวกับมังคุดนั่นแหละจ้า
Do : กินได้เยอะกว่ามังคุดนิดหน่อย คือ แบ่งกินครั้งละ 5-6 ผลต่อครั้ง ไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
5. ส้มโอ
...
"ผลไม้หน้าร้อน" อีกหนึ่งชนิดที่มีแคลอรีต่ำก็คือ "ส้มโอ" แคลอรีในส้มโอ 2 กลีบ (100 กรัม) ให้พลังงาน 44 แคลอรี ในส้มโอ 1 ผลมีเนื้อประมาณ 8-10 กลีบ เป็นผลไม้ฤทธิ์เย็นที่แคลต่ำ กินดับพิษร้อนได้ดี แถมไม่อ้วนด้วย
Don't : กินสบายๆ ไม่ต้องกังวลเลยจ้ะ แค่ระวังอิ่ม
Do : กินได้เยอะจนอิ่มเลยจ้า กินไป 5-6 กลีบ ให้พลังงานแค่ 132 แคลอรีเท่านั้น แค่นี้ก็อิ่มแล้วนะ แถมกินได้ทุกวันเพราะมีกากใยเยอะ ดีต่อระบบขับถ่ายของสาวๆ อีกด้วยนะคะ
6. ลองกอง
ถัดมาเราจะพาไปดูผลไม้หน้าร้อนรสหวานเจี๊ยบอย่าง "ลองกอง" ถ้าคุณกินลองกอง 6-10 ผล จะให้พลังงาน 60 แคลอรี แต่ถ้ากินหมดทีเดียว 1 กิโล (20-30 ผลต่อ 1 กก.) จะได้พลังงานมากถึง 300 แคลอรี ทั้งนี้ก็เพราะว่าลองกองเป็น "ผลไม้หน้าร้อน" ที่มีน้ำตาลสูงนั่นเอง
...
Don't : ใช้วิธีเหมือนมังคุดและเงาะ คือ อย่ากินหมดเป็นกิโลในครั้งเดียว
Do : แบ่งกินครั้งละ 6-10 ผลต่อครั้ง ไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
7. ชมพู่
ปิดท้ายกันที่ ชมพู่ "ผลไม้หน้าร้อน" ที่แคลอรีต่ำ ดีต่อการควบคุมน้ำหนักของสาวๆ ในชมพู่ 100 กรัม หรือประมาณ 2 ผล มีพลังงานอยู่ที่ 20-30 แคลอรีเท่านั้น
Don't : เช่นเดียวกับส้มโอ กินแล้วไม่อ้วนจ้า
Do : กินได้เยอะจนอิ่มเลยจ้า กินไป 6 ผลก็อิ่มตื้อแล้วนะ เพราะ"ชมพู่"เป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ในจำนวน 6 ผลนี้ ให้พลังงานแค่ 60-90 แคลอรีเท่านั้น กินได้ทุกวันเพราะเป็นผลไม้ฤทธิ์เย็น ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำในช่วงหน้าร้อนนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ "ผู้หญิง" ได้ที่นี่ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ
นอกจากผลไม้แคลอรีน้อยแล้ว ยังมีอาหารเสริม อีกหนึ่งตัวช่วยกินเยอะไม่กลัวอ้วน ที่นี่ ส่วนลด shopee
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
ที่มาบางส่วน : lovefitt, แคลอรีในผลไม้