ไม่มีหรอกคนข้างเคียง มีแต่เหนียงข้างคอ แคปชั่นฮาแต่สะเทือนใจไม่น้อย เพราะคำว่า “เหนียง” แค่พูดเบาๆ ก็เจ็บไปถึงทรวง เนื่องจากเป็นไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณใต้คางและคอทำให้หน้าเราดูอ้วนและสูงวัยไปพร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นหนามชีวิตของสาวๆ หลายคนเลยทีเดียว

เรามีวิธีกำจัดเหนียงปัญหาส่วนเกินชีวิตแบบไม่เสียเงินสักบาท ด้วย 5 ท่าบริหารง่ายๆ ที่ทำต่อเนื่องแล้วช่วยลดเหนียงได้จริงมาฝาก

ท่าที่ 1 ก้มและเงย

วิธีลดเหนียงที่ง่ายที่สุดท่าแรกคือก้มและเงย เริ่มจากตั้งศีรษะให้ตรงแล้วเงยหน้าไปข้างหลังจนรู้สึกตึงไปทั้งคอ ค้างไว้ นับ 1 ถึง 5 ในใจ แล้วจึงค่อยกลับมาก้มหน้าให้คางชิดลำคอ ค้างไว้ นับ 1-5 ในใจ ทำอย่างนี้สลับไปมา 8 รอบ นับเป็น 1 เซต ทำวันละ 1 เซ็ตอย่างต่ำ

ท่าที่ 2 ท่ายื่นคาง

อีกหนึ่งท่ายอดฮิตที่ทุกตำราลดเหนียง ลดแก้ม บริหารหน้าเรียว จะต้องสอนให้ทำกัน คือ ตั้งศีรษะให้ตรง แล้วพยายามยื่นคางไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด (หน้าเราจะแหงนเงยขึ้นโดยอัตโนมัติ) ยื่นคางจนรู้สึกตึง นับ 1-5 ทำติดกันสัก 8 รอบแล้วพัก ทำให้ได้ทุกวันรับรองเราจะรู้สึกถึงความกระชับที่ใต้ชั้นคางของเรา

ท่าที่ 3 จูบเพดาน

ท่านี้จะช่วยให้เหนียงใต้คางเราตึงมากๆ วิธีแสนง่าย คือให้เราเงยหน้ามองเพดาน แล้วยื่นปากจู๋เหมือนจะจูบเพดาน ยื่นปากให้มากที่สุดจนรู้สึกเกร็งทั้งคอและกราม ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำวันละ 3 รอบ นอกจากจะช่วยลดเหนียงคอ ยังช่วยบริหารให้หน้าเรียวได้ด้วย

ท่าที่ 4 ทำปากจู๋

ท่านี้จะช่วยทั้งลดเหนียงคอและยังช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มได้ด้วย วิธีทำคือ นั่งศีรษะตรง แล้วอ้าปากให้กว้างที่สุด จากนั้นให้พยายามทำปากจู๋โดยที่กรามยังเกร็งเหมือนตอนอ้าปากไว้ พูดง่ายๆ คือให้เราพยายามทำปากจู๋ในขณะที่กำลังอ้าปาก จะรู้สึกตึงรอบมุมปากและเกร็งใต้คอ ค้างไว้สัก 10-15 วินาที ทำวันละ 3 รอบ

...

ท่าที่ 5 ท่าหมุนคอ

รู้ไหมแค่ทำท่าหมุนคอก็ช่วยลดเหนียงได้ แค่นั่งหรือยืนให้มั่นคง หมุนคอเป็นวงกลมไปทางขวาช้าๆ สัก 3-5 รอบ จากนั้นค่อยทำเหมือนเดิมแต่หมุนไปทางซ้าย 3-5 รอบ แล้วหยุด ทำแบบนี้สัก 3 เซตต่อวันก็พอ ท่านี้ไม่เพียงช่วยบริหารต้นคอของเรายังช่วยลดเหนียงใต้คางของเราได้ด้วย

นอกจาก 5 ท่าบริหารกำจัดเหนียงแล้ว อย่าลืมเลือกทานอาหารดีๆ ที่มีปริมาณไขมันน้อยๆ เพื่อช่วยลดการกลับมาสะสมของไขมันให้เกิดเป็นเหนียงได้แบบยั่งยืนอีกด้วย

1. รับประทานผักผลไม้เป็นประจำทุกวัน

เรื่องนี้แทบจะเป็นข้อบังคับสำหรับคนรักสุขภาพไปแล้ว แต่ดูให้ดีว่าผักของเราสะอาดหรือเปล่า ผลไม้ที่เราเลือกกินมีน้ำตาลสูงไหม เช่น เลือกกินฝรั่งหรือแก้วมังกร แทนที่จะกินมะม่วงสุก ขนุนหรือทุเรียน ไม่อย่างนั้นแทนที่เหนียงจะหายไปมันกลับจะอยู่กับเราอีกนาน

2. กินข้าวกล้อง

เลือกทานข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือผ่านน้อยและขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังที่ผ่านการขัดสี เพราะโครงสร้างคาร์โบไฮเดรตของข้าวกล้องและขนมปังโฮลวีต จะทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนาน จึงอิ่มนานขึ้น ไม่หิวบ่อย และเพิ่มเส้นใยอาหารให้ร่างกายด้วย

3. ลด ละ เลิก ของมันของทอด

เมนูสตรีทฟู้ดแสนอร่อยอย่าง ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด กล้วยทอด และอีกมากมายล้วนเต็มไปด้วยแป้งและน้ำมัน ที่แม้ว่าจะอร่อยถูกปากถูกใจแต่ทำให้เกิดไขมันสะสมจนพอกพูนเป็นเหนียงให้ช้ำใจ ทางที่ดีคือลดปริมาณการกินอาหารเหล่านี้ลงและเน้นออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยลดไขมันส่วนเกินและลดเหนียงของเราได้

4. ลด ละ เลิกการบริโภคน้ำตาล

นอกจากของมันของทอดแล้ว ของหวานก็ยังทำให้เกิดไขมันสะสมจนกลายเป็นเหนียงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ ชาเขียว โก้โก้ หรือชานมไข่มุก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว กาแฟเย็น 1 แก้ว มีปริมาณน้ำตาลมากถึง 11 ช้อนชา ทั้งที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าปริมาณน้ำตาลทรายที่ควรบริโภคต่อวัน ควรอยู่ที่ 4 - 6 ช้อนชาเท่านั้น การกินน้ำตาลเยอะเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้ จะทำให้น้ำตาลถูกเปลี่ยนไปสะสมกลายเป็นไขมัน ตัวการทำให้เราอ้วน เกิดเหนียงนั่นเอง

5. กินอาหารที่มีไขมันดี

ไขมันในอาหารไม่ได้มีแต่ตัวร้าย แต่ยังมีไขมันดีชนิดที่ร่างกายต้องการ เช่น ไขมันจากน้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง หรือการรับประทานปลาที่มีกรดไขมันสูง เช่น แซลมอน ทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ผักผลไม้ เช่น อะโวคาโด บล็อกโคลี่ หรือแม้แต่อาหารเสริมจำพวกน้ำมันปลา ก็ช่วยเพิ่มไขมันดีให้ร่างกายแต่เราต้องพิถีพิถันในการเลือก ไม่บริโภคสะเปะสะปะ

หวังว่าทั้งท่าบริหารง่ายๆ และตัวอย่างอาหารการกินที่เรานำมาบอกต่อ จะช่วยทำให้หลายคนสามารถลดเหนียงลดแก้ม และเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้แถมประหยัดเงินอีกด้วย.