‘Spy’ ที่เรียกในภาษาไทยว่า ‘สายลับ’ หรือ ‘จารชน’ ถือเป็นต้นแบบและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายทั่วโลกมาทุกยุคทุกสมัย เพราะนอกจากสายลับจะมีเสน่ห์แพรวพราวแล้ว ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อยู่ในขั้นหาตัวจับยาก และยิ่งงานของใครดูผิดระเบียบสังคมและน่าตื่นเต้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น
ภาพสายลับที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่มาจากวรรณกรรมและภาพยนตร์ตะวันตก บุคคลสำคัญที่ให้กำเนิดสายลับในตำนานมีชื่อว่า เอียน เฟลมมิ่ง (Ian Fleming) นักเขียนชาวอังกฤษผู้สร้างสายลับจากหน่วย MI6 ที่ชื่อ เจมส์ บอนด์ เฟลมมิ่งได้บรรยายถึงลักษณะของ บอนด์ ไว้ในหนังสือว่า เป็นคนร่างกายกำยำ มีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศ อีกทั้งยังมีสติปัญญาไหวพริบดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้ บอนด์ โดดเด่นคือ รสนิยมที่ยอดเยี่ยม เช่นวิธีการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการแต่งตัวอย่างมีสไตล์ของบอนด์
กว่า 50 ปีที่ เจมส์ บอนด์ ได้หล่อหลอมภาพของสายลับให้ดูเท่จนเป็นต้นแบบของสายลับในยุคนั้น และเป็นภาพจำมาจนถึงปัจจุบัน บอนด์ถูกสร้างมาให้เป็นสายลับที่ดูดีตลอดเวลา แม้ในยามที่เขาต้องตกอับหรือต่อสู้กับด้านมืดของตัวเอง ความสำเร็จของภาพยนตร์ได้จุดประกายกระแสคลั่งสายลับขึ้นทั่วโลก จนเกิดภาพยนตร์สายลับตามมาอีกมากมายทั้ง The Bourne series, Three Days Of The Condor หรือ Mission: Impossible
สายลับที่ได้รับความนิยมมักจะมาพร้อมกับแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ เช่น สายลับจากรัสเซียอย่าง Illya Kuryakin กับแฟชั่นคอเต่าจากภาพยนตร์เรื่อง The Man From U.N.C.L.E. (2015) ส่วนฝั่งอังกฤษนอกจากเจมส์ บอนด์แล้วก็ยังมี Harry Palmer จากภาพยนตร์เรื่อง The Ipcress File (1965) ที่มีภาพลักษณ์ต่างจากสายลับในภาพยนตร์ยุค 60 ด้วยการแต่งกายชุดลำลองและสวมแว่นทรง Tortoiseshell จนเป็นเอกลักษณ์
สายลับจึงเป็นเหมือนโลกแฟนตาซีสำหรับผู้ชาย แต่โลกแฟนตาซีก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันซะทีเดียว เพราะเหล่าสายลับที่เราชื่นชอบถือเป็น Master หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่เราสามารถเลียนแบบความสามารถมาใช้กับชีวิตประจำวัน (ที่ไม่แฟนตาซี) ของเราได้ และนี่คือภารกิจที่น่าท้าทายสำหรับคุณ
...
Master of Liar
Spy Mission: ทักษะสำคัญที่สายลับทุกคนมีคือ ทักษะการโกหกและทักษะการจับโกหก สายลับมักจะมีสายตาแหลมคมในการสังเกตภาษากายและการใช้น้ำเสียงของคู่สนทนา เพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นจริงหรือเท็จ ไม่เท่านั้นทักษะการโกหกของเขายังสามารถหลอกคู่สนทนาได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย
Your Mission: ถึงแม้คุณจะไม่ได้เป็นสายลับ แต่คุณก็ต้องเจอกับเรื่องท้าทายมากมาย อย่างการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ คุณต้องฝึกสายตาให้แหลมคมในการกลั่นกรองข้อมูล ต้องรู้ว่าแหล่งข้อมูลไหนน่าเชื่อถือหรือไม่ ที่สำคัญคุณเองก็ต้องแนบเนียน อย่าเปิดเผยข้อมูลสำคัญของตัวเองให้กับผู้อื่นเช่นกัน
Master of Strength
Spy Mission: เพราะต้องทำภารกิจเสี่ยงตายหรือพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่ตลอดเวลา สายลับจึงต้องฝึกร่างกายอย่างหนักเพื่อให้มีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับสถานการณ์อันตราย
Your Mission: การสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งของคุณอาจจะไม่ได้ใช้สำหรับเรื่องเสี่ยงตาย แต่มันจะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมทำงานหนัก แถมยังมีผลพลอยได้คือ การมีร่างกายสมส่วนไม่ว่าจะสวมใส่อะไรก็ดูดี
Master of Languages
Spy Mission: งานสืบสวนมักจะไม่ได้อยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง บางครั้งสายลับก็ต้องเดินทางเปลี่ยนประเทศอยู่บ่อยๆ การพูดได้หลายภาษา นอกจากจะทำให้ชีวิตสายลับง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้เขากลมกลืนไปกับคนท้องถิ่นอีกด้วย
Your Mission: เอาเป็นว่าเรารู้กันอยู่แล้วว่าใครยิ่งพูดได้หลายภาษา ก็ยิ่งได้เปรียบ
Master of Charm
Spy Mission: คงไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็ตกหลุมรักสายลับ เพราะทักษะการบริการเสน่ห์เป็นสิ่งที่แทบจะติดตัวสายลับทุกคน พวกเขาสามารถทำให้คนแปลกหน้ายอมทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการได้ด้วยการหว่านเสน่ห์ เหล่าสายลับจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ในกำมือได้โดยไม่ต้องออกแรง
Your Mission: ถึงแม้ในภาพยนตร์จะดูเว่อร์และเหลือเชื่อไปสักนิด แต่การสร้างเสน่ห์จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณราบรื่นกว่าที่คิด คุณสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้างได้ ตั้งแต่การแต่งตัว วิธีการพูดคุยไปจนถึงวิธีการใช้ชีวิต แต่ถ้าการสร้างเสน่ห์มันยากนัก ก็ลองใช้หลักวิทยาศาสตร์มาช่วยดู (อ่านวิธีการสร้างเสน่ห์ที่อธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้ที่ https://goo.gl/Zlg6Od)
Master of Fighting
Spy Mission: การเข้าไปล้วงข้อมูลลับนั้นต้องปฏิบัติการอย่างแนบเนียน แต่บ่อยครั้งการทำงานเงียบๆ ก็ไม่สำเร็จ จนต้องเปิดฉากต่อสู้ทั้งเพื่อหนีเอาตัวรอดและเพื่อให้ได้ความลับมา การต่อสู้จึงเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยชีวิตของสายลับมานักต่อนัก ไม่ว่าจะต้องต่อสู้กับศัตรูที่ทนทานแค่ไหน เขาก็ต้องเอาชนะให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกจับไปทรมานเพื่อเค้นเอาข้อมูลลับเสียเอง
Your Mission: การต่อสู้เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการต่อยมวยไปจนถึงการฟันดาบ นอกจากคุณจะได้ออกกำลังกายแล้ว คุณยังได้ฝึกสมาธิและฝึกความอดทนด้วย หรือไม่แน่บางทีคุณอาจจะได้ใช้ศิลปะการต่อสู้กับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดก็ได้
ที่มา - GQ Thailand
www.gqthailand.com