ถือเป็นสามเสือลูกพี่ลูกน้องที่ผนึกกำลังกันปฏิวัติวงการอสังหาฯเมืองไทยสู่ระดับไฮเอนด์ จนเป็นที่ฮือฮาอย่างมากเมื่อ 30 กว่าปีก่อนโดยพี่ใหญ่ “อภิชาติ จูตระกูล” ประธานอำนวยการ บมจ.แสนสิริ กอดคอน้องๆ “เศรษฐา ทวีสิน” และ “วันจักร์ บุรณศิริ” สร้างคอนโดมิเนียมตากอากาศแพงที่สุดและดีที่สุดของยุค กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์โจษจันไปทั่ว และแม้เวลาจะผ่านไปถึง 3 ทศวรรษ แต่ทั้งสามทหารเสือ ก็ยังไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาธุรกิจให้ก้าวสู่ระดับโลก เพื่อหวังยกระดับวงการอสังหาฯเมืองไทย และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเป็นที่เลื่องลือไปไกล

“ตัวผมเอง กับคุณเศรษฐา ทวีสิน และคุณวันจักร์ บุรณศิริ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเราเข้ามาสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวร่วมกัน เพราะเห็นว่าประเทศไทยสมัยนั้นยังไม่มีทางเลือกด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้บริโภคมากนัก จึงอยากเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าที่ชอบดีไซน์ และอยากได้ที่อยู่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่จริงๆ ซึ่งก็เป็นที่มาของ “บ้านไข่มุก” โครงการแรกของแสนสิริ ที่ตั้งอยู่บนหาดหัวหิน ฮือฮามากเพราะถือเป็นคอนโดตากอากาศที่แพงและดีที่สุดในสมัยนั้น จนถึงปัจจุบันผมกล้าพูดเลยว่าเราเป็นบริษัทอสังหาฯแรกที่ฉีกแนวการออกแบบคอนโดมิเนียม เริ่มจากการจ้าง บ.ไรเฟนเบิร์ก แอนด์ ฤกษ์ฤทธิ์ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการออกแบบสถานที่ระดับไฮเอนด์มา ดีไซน์บ้านไข่มุก โดยออกแบบให้สีเหลืองสดใสของตึกตัดกับสีท้องฟ้าและสีครามของน้ำทะเล ได้แรงบันดาลใจจากเรือยอชต์ ที่กำลังกลับเข้าฝั่ง ทำให้บ้านไข่มุกกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของหัวหินที่ใครๆก็นึกถึง แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่งเราเองก็ภูมิใจ” คุณอภิชาติบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของค่ายอสังหาฯแสนสิริ

...

อะไรผลักดันให้สามพี่น้องลุกขึ้นบุกเบิกธุรกิจอสังหาฯไฮเอนด์ ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน

จุดยืนของแสนสิริตั้งแต่แรกเริ่มคือ การ ใส่ใจเรื่องไลฟ์สไตล์และการออกแบบ ตัวผมกับ ทีมงานเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ่อย เพราะเราอยากเปิดหูตาให้กว้างไกลขึ้น เห็นโลกเห็นเทรนด์ เห็นการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม ของผู้คน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์มากในการทำธุรกิจอสังหาฯ โลกของงานออกแบบเปลี่ยนไปตลอดเวลา ถ้าไม่ไปดูว่าปัจจุบันโลกก้าวไปข้างหน้ายังไง การจะพัฒนาคอนโดหรือบ้านในเมืองไทย ให้มีมาตรฐานทั้งด้านคุณภาพและการออกแบบทัดเทียมประเทศชั้นนำคงเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ต้องทำอย่าง ต่อเนื่องคือ การนำจุดดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ในโครงการของ แสนสิริ โครงการของเราหลายแห่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลก เพื่อให้ลูกค้าสามารถเสพงานศิลป์ในการตกแต่งที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น อาทิ ซาฮา ฮาดิด, อาร์มานี่ คาซ่า, หลุยส์ วิตตอง และราล์ฟ ลอเรน โฮม แม้จะทุ่มเทเรื่องดีไซน์ แต่เรื่องการดูแลหลังการขายก็ไม่ทิ้งนะครับ เราอยากให้ลูกค้าแสนสิริมั่นใจว่าราคาคอนโดที่เขาซื้อจะมีแต่ราคาสูงขึ้นๆ อย่างโครงการบ้านไข่มุก เมื่อ 30 ปีก่อน ราคา 7 ล้านบาท ถือว่าแพงมากสำหรับคอนโดตากอากาศ แต่วันนี้ราคาพุ่งไปเป็น 80 ล้านบาทแล้ว ผมเชื่อว่า ไม่มีโครงการไหนในประเทศไทยทำได้ขนาดนี้

ร่ำลือว่าถ้าไม่ใช่เศรษฐีแถวหน้าของไทย ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของโครงการบ้านไข่มุก?

ช่วงแรกของการเริ่มธุรกิจ ผมต้องบอกก่อนเลยว่า ตัวผมเอง คุณเศรษฐา และคุณวันจักร์ ลุยงานกันเองในทุกขั้นตอนจริงๆ ตั้งแต่หาที่ดิน วางแผนพัฒนาโครงการ ทำการตลาด หรือแม้แต่หาลูกค้า จึงทำให้ลูกค้าในช่วงแรกของเราเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม อย่างเช่น คุณบรรยงค์ ล่ำซำ, ดร.เสนาะ อูนากูล, นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร ซึ่งหลายท่านเป็นลูกค้ากับแสนสิริมานานจนถึงปัจจุบัน

แสนสิริเติบโตแข็งแรงในฐานะผู้นำอสังหาฯไทย เคยคิดอยากลงทุนโครงการในต่างประเทศบ้างไหม

จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสม แต่การลงทุนในต่างประเทศของเราในตอนนี้คงเป็นการพัฒนาโครงการเพื่อคนไทยในต่างประเทศ มากกว่าการขายให้กับต่างชาติ หลังจากโครงการแรกคือ “ไนน์ เอลวัสตัน” ในย่านเคนซิงตัน และแฮร์รอดส์ ขายหมดเกลี้ยงเมื่อ 2 ปีก่อน ในอนาคตเราจะมีโครงการในลอนดอนอีก 1-3 โครงการ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่ในลอนดอนของคนไทย และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯในนิวยอร์กด้วย

...

คร่ำหวอดอยู่วงการกว่า 3 ทศวรรษ ในปี 2016 แสนสิริมีอะไรพิเศษมาเซอร์ไพรส์

ปีนี้เป็นอีกปีที่เราตื่นเต้น เพราะปี 2016 เป็นก้าวสำคัญที่เราจะไปสู่ระดับนานาชาติอย่างเต็มตัว ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ดีไซเนอร์ระดับโลก และองค์กรนานาชาติ โดยมีโครงการ 98 ไวร์เลส บนถนนวิทยุ ใกล้แยกตัดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเปิดตัวในปลายปีนี้ เป็นโครงการระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์ของปี นอกจากจะเป็นคอนโดที่ราคาสูงที่สุดในเมืองไทย ยังเป็นโครงการที่พรีเมียมและประณีตที่สุดของแสนสิริในรอบ 30 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา พวกเราคาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย ในฐานะที่เป็นโครงการแฟล็กชิพที่เราอยากให้ระดับนานาชาติได้เห็นว่าคนไทยมีความสามารถพัฒนาคอนโดมิเนียมได้ทัดเทียมกับผู้พัฒนาอสังหาฯระดับโลก เราจะขายโครงการนี้เมื่อตึกสร้างเสร็จ เพราะอยากให้เห็นการก่อสร้างที่เนี้ยบในทุกรายละเอียด และความพรีเมียมของวัสดุจากแบรนด์ดังระดับโลกที่เลือกใช้ ซึ่งผมมีส่วนคัดสรรเองเกือบทุกชิ้น เพื่อให้โครงการนี้สวยคลาสสิกเหนือกาลเวลา ล่าสุด เพิ่งขายห้องที่มีราคาต่อตารางเมตรสูงสุดของโครงการที่ 640,000 บาทต่อตารางเมตร ต่อจากห้องเพนต์เฮาส์ที่ขายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ในช่วงปลายปีเราจะมีอีกสองโครงการที่ผมเชื่อว่าจะเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เช่นกัน เพราะเป็นการร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น

...

มีโครงการดีๆเพื่อตอบแทนคืนสังคมบ้างไหมคะ

แน่นอนครับ ปัจจุบันเราเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการรายเดียวของยูนิเซฟ ประเทศไทย และเราจะสานต่อความร่วมมือนี้ไปอย่างต่อเนื่อง ทางยูนิเซฟเห็นถึงความตั้งใจของเราในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชน โดยโครงการ “THE GOOD SPACE” หรือพื้นที่ปลอดภัย สำหรับเด็กในเขตก่อสร้าง เป็นโครงการที่ยูนิเซฟยกให้เป็นแม่แบบการดำเนินธุรกิจอสังหาฯที่ยุติการใช้แรงงานเด็กในพื้นที่ก่อสร้าง และมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก พร้อมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพูดบนเวทีโลกมากมาย ในปีนี้ยูนิเซฟยังโปรโมตกิจกรรมของเราในสื่อระดับโลก เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการประเทศอื่นๆ ตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องเด็กในพื้นที่ก่อสร้าง ถือว่าเป็นความภูมิใจสูงสุดของแสนสิริที่ร่วมเป็นส่วนเล็กๆในการเปลี่ยนแปลงสังคม

แสนสิริมีบทบาทมากน้อยแค่ไหนในการพัฒนาตลาดอสังหาฯเมืองไทย

เราต้องการแสดงให้คนไทยและสากลโลกเห็นว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชาติอื่นๆ เราสามารถพัฒนาโครงการที่เทียบเท่าในเชิงความประณีตในการออกแบบ การเลือกใช้ของ การใส่ใจรายละเอียดต่างๆ เหมือนกับโครงการระดับโลกโดยไม่อายใคร

...

ทำงานเยอะขนาดนี้ มีวิธีคลายเครียดอย่างไร

เวลาว่างนอกจากใช้เวลากับครอบครัวแล้ว ผมชอบเล่นฟุตบอล เพราะเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ร่ำรวย หรือตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน พอมาเล่นฟุตบอลทุกคนเท่าเทียมกันหมด ต้องทำงานประสานกันเป็นทีมเวิร์ก เกมจึงจะดำเนินต่อไปได้ ถ้าต่างคนต่างเล่น ถือว่าตัวเองเก่ง ก็คงทำเกมไม่ได้ เล่นฟุตบอลได้ออกแรง ออกกำลัง และยังช่วยให้ลดทิฐิในการทำงาน และการดำเนินธุรกิจ ช่วยให้เป็นผู้ฟังที่ดี ปรับตัวเข้ากับคนอื่นมากขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างบรรลุถึงสิ่งที่เราวางเป้าไว้พร้อมๆกัน

อีก 10 ปีข้างหน้า อยากเห็นแสนสิริเติบโตไปในทิศทางใด

คาดหวังว่าแสนสิริจะเป็นบริษัทอสังหาฯไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ และทำให้ตลาดอสังหาฯโดยรวมยกระดับไปสู่อีกขั้น ซึ่งสุดท้ายประโยชน์จะตกกับผู้บริโภค เพราะคนมีทางเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น สถาปนิกและอินทีเรีย ดีไซเนอร์ จะต้องปรับตัวหันมาใส่ใจในเรื่องการออกแบบมากขึ้น และไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ทำให้บุคลากรของประเทศเราพัฒนาขึ้นไปแข่งขันกับนานาชาติได้ด้วย.

ทีมข่าวหน้าสตรี