ไม่มีวงการไหนจะแข่งขันกันดุเดือดเท่ากับธุรกิจค้าปลีก ใครหยุดนิ่งไม่พัฒนาตัวเอง ก็มีแต่จะโดนทิ้งไว้เบื้องหลัง ในฐานะเอ็มดีรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค “พิมพ์ผกา หวั่งหลี” มองทุกอุปสรรคเป็นความท้าทาย และมันส์สุดๆกับการค้นหาสิ่งแปลกใหม่มาเซอร์ไพรส์นักช็อปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เรียกเสียงว้าวๆๆด้วยการเนรมิตโซนใหม่ล้ำจินตนาการ “สเปล แอท ฟิวเจอร์” เป็นของขวัญส่งท้ายปีแก่ชาวรังสิต หวังเป็นอาวุธลับสุดชิค ช่วยทวงบัลลังก์ความเป็นศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดในเมืองไทยกลับคืนมาอีกครั้ง
คุณพลอยเข้ามาบริหารฟิวเจอร์พาร์คตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่จริงทำมาตั้งแต่เริ่มสร้างศูนย์การค้าเลยนะคะ เมื่อปี 1992 เราเปิดบริษัทรังสิตพลาซ่า เพื่อเข้าไปพีชงานสร้างศูนย์การค้าบนที่ดินย่านรังสิต ขนาด 600 กว่าไร่ ซึ่งเป็นของตระกูลหวั่งหลี เราเป็นเจ้าของที่ดิน แต่ไม่มีประสบการณ์เรื่องการทำศูนย์การค้ามาก่อน คุณพ่อ (สุกิจ หวั่งหลี) ทำตลาดรังสิตร่วมกับคุณอา บนพื้นที่ 70 กว่าไร่ จนบูมมาก เป็นที่นิยมของคนย่านนี้ เมื่อมีคนมาชวนให้ทำศูนย์การค้า คุณพ่ออยากพัฒนาที่ดินอยู่แล้ว ก็เลยเชิญพันธมิตรทางธุรกิจ มาพีชงาน มีทั้งกลุ่มเซ็นทรัล, โรบินสัน และเดอะมอลล์ กรุ๊ป ตอนแรกทางหวั่งหลี กรุ๊ป ถือหุ้นอยู่ 51% จับมือกับห้างฯโรบินสันทำฟิวเจอร์พาร์คขึ้นมา พอเริ่มโฆษณาปุ๊บยังไม่ทันได้เปิดศูนย์ ก็เจอเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทางห้างฯโรบินสันเลยขอถอนหุ้นออกไป ทำให้ทางกลุ่มหวั่งหลีถือหุ้นอยู่ 80% พลอยก็เข้ามาทำงานตั้งแต่ วันแรกเลย โดยเริ่มจากงานแอดมินทั่วไปและฝ่ายบุคคล แล้วก็มาช่วยเรื่องการขายพื้นที่ในศูนย์การค้า
...
ถามจริงช็อกไหมคะ เริ่มงานแรกก็เจอวิกฤติใหญ่เลย
ไม่มีเวลาให้ช็อก (หัวเราะ) ต้องเร่งขายพื้นที่!! หลังจบปริญญาโทด้านการบริหาร พลอยทำงานฟินวันได้ปีหนึ่ง คุณพ่อก็ตามให้มาดูการพีชงานสร้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เราไม่ได้ตั้งใจจะมีธุรกิจนี้เลย ตระกูลหวั่งหลีมีหลายสาย สายเราทำกลุ่มพูนผล เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรโดยตรง ก็มีน้ำมันพืชกุ๊ก, วุ้นเส้นตราต้นสน-ต้นไผ่ และทำแป้งโมดิฟายด์สตาร์ช แล้วก็มีที่ดินผืนใหญ่ๆ แต่ผืนใหญ่ที่สุดคือฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เราตั้งใจสร้างให้เป็นฟิวเจอร์ซิตี้ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองใหม่ ภายในศูนย์มีกลุ่มค้าปลีกใหญ่ๆ มารวมกันอยู่ที่เดียว ตอนเปิดตัวศูนย์เราได้รับการขนานนามเป็นศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เป็นอะไรที่ฮือฮามากในสมัยนั้น เพราะยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ตอนทำศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คใหม่ๆ แถวนี้มีแต่ทุ่งนา หนักใจไหมจะพัฒนาให้เจริญยังไง
(ยิ้ม) สมัยก่อนบ้านพลอยอยู่รัชดา คิดดูว่าใช้เวลา 3 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงรังสิต เพราะยุคนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ไม่มีโทลล์เวย์ ปัจจุบันใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที จำได้เลยว่าตอนตระเวนขายพื้นที่ เราเพิ่งอายุ 23-24 ปี ไปเสนอขายพื้นที่ใคร ก็โดนถามว่าจะเปิดร้านไปขายควายที่ไหน!! เราฝังใจกับคำนี้มาก พลอยเลยมุมานะศึกษาข้อมูลทุกอย่าง ศึกษาความต้องการของลูกค้า ตั้งใจว่าต้องทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะบ้านเราก็ลงทุนไปเยอะถึง 4 พันล้านบาท เราใช้เวลาสร้างศูนย์อยู่ 3 ปี วันที่เปิดศูนย์ก็ได้ผู้เช่าพื้นที่เต็ม 80% ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ จากช่วงแรกมีคนมาเดินห้างฯวันละ 5 หมื่นคน ปัจจุบันยอดเพิ่มเป็นวันละ 150,000 คน
คุณพลอยพิสูจน์ฝีมือยังไง ถึงได้รับความไว้วางใจให้รั้งตำแหน่งเอ็มดี
พลอยเป็นคนทำอะไรทำจริง ถ้าจับอะไรแล้วก็จะลุยเองทุกอย่าง คิดว่าการขายพื้นที่ได้ 80% ทำให้ผู้ใหญ่ ไว้วางใจเรา ตอนนั้น เราลุยไปคุยกับลูกค้าทุกราย เกิน 90% ยังเป็นพันธมิตรที่ดีของเรามาถึงทุกวันนี้ สำหรับพลอยผู้เช่าพื้นที่ทุกรายคือผู้มีพระคุณของเรา เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทำศูนย์การค้ามีปัญหาจุกจิกทุกวัน แต่พลอยจะมองว่าเป็นความท้าทาย เพราะเป็นคนสนุก-สนาน ไม่ชอบเก็บ ปัญหามาคิด ถ้าตรงไหนมีปัญหาก็แก้ไขซะ มันก็จบ
ฟิวเจอร์พาร์คผ่านวิกฤติมาเยอะ ครั้งไหนสาหัส สากรรจ์ที่สุด
ผ่านมาเยอะ (ยิ้ม) หลังพฤษภาทมิฬ เราก็ไปกู้เงินนอกมา 1 พันล้านบาท เพื่อใช้สร้างศูนย์การค้า เรากู้เงิน เดือน ม.ค.2540 ปรากฏว่าเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เงินบาทลดค่าตอนเดือน ก.ค. จากหนี้พันล้านก็เพิ่มเป็น 2 พันล้านบาททันที เราต้องไปขอทำแผนประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ เป็นวิกฤติใหญ่มากที่ทำให้บริษัทเกือบล้ม!! คุณพ่อบอกว่าชื่อเสียงและเครดิตของเราสำคัญที่สุด จะยังไงก็ตามเราต้องจ่ายหนี้ให้ครบทุกบาททุกสตางค์ ใช้เวลา 10 กว่าปียังเคลียร์หนี้ไม่หมดเลย แต่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ อีกครั้งก็เจอวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ แถวนี้ท่วมสูง 3 เมตร 50 แต่ของเราท่วมเข้ามาได้แค่ 30 ซม. เพราะสูบน้ำออกตลอด ต้องปิดศูนย์การค้า 1 เดือนเต็มๆ เราขอให้บิ๊กซีเปิดให้บริการ เพราะเป็นห่วงลูกค้า เราทำศูนย์การค้าต้องถือคติว่าอะไรที่เราสร้างให้ชุมชนมีความสุขได้ เราก็ต้องทำ พลอยอยู่ที่ฟิวเจอร์พาร์คตลอด กินอยู่ที่นี่เลยไม่เคยทิ้ง เพื่อคอยดูแลสถานการณ์ โชคดีที่ได้ทหารมาช่วยอีกแรง มีเรือ 5 ลำ คอยให้บริการคนย่านนี้ เราทำฟิวเจอร์พาร์คมา บอกลูกห้องตลอดว่าจะไม่มีวันทิ้งกัน เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาเสียหายน้อยที่สุด และพยายามช่วยเหลือทุกทาง ค่าเช่าก็ไม่เก็บเลย ส่วนช่วงที่เกิดม็อบใจกลางเมือง เราโชคดีหน่อยที่อยู่ห่างไกลจุดชุมนุม เลยไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่ ยอดขายลดลงไม่ถึง 10% คุณพ่อเน้นว่าคนทำการค้าต้องซื่อสัตย์ คำพูดต้องเชื่อถือได้ กับร้านค้าต่างๆก็ไม่ต้องเซ็นสัญญา ขอแค่เราคุยกันรู้เรื่องและมีความไว้วางใจกัน แค่คำตกลงก็โอเค
...
ปีนี้ครบรอบ 2 ทศวรรษ คุณพลอยมีแผนจะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้แฟนๆฟิวเจอร์พาร์ค
เราตั้งเป้าไว้ว่าจะกลับมาทวงคืนตำแหน่งศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยใช้ “สเปล แอท ฟิวเจอร์” เป็นแม่เหล็กใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นที่แสนตารางเมตรมีพื้นที่ ขายประมาณ 4 หมื่นตารางเมตร เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นสวนและที่จอดรถส่วนหนึ่ง
“สเปล แอท ฟิวเจอร์” จะพลิกโฉมหน้าฟิวเจอร์พาร์คให้ล้ำทันสมัยขนาดไหน
ทำไมถึงลุกขึ้นมาทำสเปล เพราะลูกค้าของเรามีความต้องการสูง อัพเดตขึ้นมาเรื่อยๆ คนที่อยู่แถวนี้เมื่อก่อนบ้านอาจจะหลักแสน แต่ทุกวันนี้อยู่บ้านหลังละเป็นล้าน ไลฟ์สไตล์ของคนย่านนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก หน้าที่ของเราคือต้องไปก่อนพวกเขา คือพัฒนาให้เกิดอะไรที่พวกเขาอยากได้ ก่อนรู้ตัวว่าอยากได้ ซึ่งสเปลจะตอบโจทย์ตรงนี้ เรายกทุกอย่างที่ป๊อปปูล่าร์ที่สุดจากในเมืองมาไว้ที่ฟิวเจอร์พาร์ค ร้านไหนดังก็จะหารับประทานได้ที่นี่ แฟชั่นแบรนด์ไหนเดิร์นก็จะคัดสรรมาให้ช็อปปิ้งที่นี่ โดยไม่ต้องเดินทางเข้าไปในเมือง นอกจากนี้ เรายังเปิด โอกาสให้ร้านใหม่ๆได้แจ้งเกิดที่นี่ ในฟิวเจอร์พาร์คมีร้านค้าหลากหลายถึง 1,200 ร้านค้า เรามีพนักงานกว่า 2 หมื่นคน บรรยากาศของสเปลจะเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นจุดยืนของฟิว-เจอร์พาร์คตั้งแต่ต้น สเปล ยังมีทีเด็ดเซอร์ไพรส์อีกเยอะ เราจะเป็นศูนย์รวมของกีฬา โดยเป็นเจ้าแรกในไทยที่มีสนามหัดเล่นสกี “สกี 365 องศา” ยังมีลานไอซ์สเกต และสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน ลูกค้าของเราจะได้แฮงก์เอาต์ในโซนสวนดอกไม้ อยากให้สเปลเป็นที่พักผ่อนจริงๆ
...
สเปลลงทุนสูงพอสมควร คุ้มไหมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
ลงทุน 4 พันล้านบาท พลอยเชื่อว่าคุ้ม ต้องมองอนาคตไกลๆ เป้าหมายของเราคือ สร้างความสุขให้ลูกค้าในย่านนี้ มีทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนเลย
วงการค้าปลีกแข่งขันรุนแรงมาก ทำยังไงให้ฟิวเจอร์พาร์คเป็นหนึ่งในใจคนไทย
เราเอาความต้องการของลูกค้าคนเดินเป็นหลัก จะหาอะไรที่แปลกใหม่มาให้ลูกค้าเสมอ มาที่นี่ชีวิตต้องไม่ธรรมดา และสำคัญที่สุดคือต้องสะดวกสบาย ทำยังไงให้ลูกค้าเดินทางเข้าออกสะดวกที่สุด
...
วงการนี้หยุดนิ่งไม่ได้ คุณพลอยหาแรงบันดาลใจใหม่ๆจากไหน
จากการเดินทางท่องเที่ยว ปีหนึ่งเดินทางเยอะมาก เห็นอะไรประทับใจก็จะถ่ายรูปมาเป็นแรงบันดาลใจ คุณแม่ปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เราใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งฟิวเจอร์พาร์คก็จับเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้น พลอยใส่ความเป็นตัวเองตรงนี้เข้ามาตลอด.
ทีมข่าวหน้าสตรี