"ยุ้ย  สรสินดา "ต่อยอดธุรกิจของตระกูล โดยออกแบรนด์ Goldlery มีความโดดเด่นที่เป็นงานเพียวแฮนด์เมค...

อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่รู้จักต่อยอดธุรกิจของตระกูล ให้มีความหลากหลายเข้ายุคสมัย "ยุ้ย สรสิดา ชานนประภาส์" ทายาทรุ่นที่ 3 ของ "บ้านช่างทอง" ร้านทองที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือประณีตในการทำเครื่องประดับทองโบราณแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยแตกไลน์ธุรกิจเดิมให้ดูโมเดิร์น  เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายโอกาสมากขึ้น

ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจเครื่องประดับทองที่ต้นตระกูลบุกเบิกมาหลายสิบปี ยุ้ย เล่าว่า ความที่เติบโตมาในบ้านช่างทอง เห็นการทำธุรกิจนี้มาจนชิน  ณ  ตอนนั้นเธอบอกตรงๆเลยว่า ไม่คิดที่จะทำธุรกิจนี้ จึงตัดสินใจเลือกเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เอกภาษาญี่ปุ่น เมื่อจบมาแล้วก็ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น และเป็นครูพิเศษสอนภาษาญี่ปุ่นที่สาธิตจุฬาฯ ทำอยู่ได้พักใหญ่ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมถึงไม่อินกับงาน จึงตัดสินใจลาออกกลับมาทำงานกับที่บ้าน เพราะเป็นอะไรที่คุ้นเคย และพี่ชายที่คุมธุรกิจอยู่ก็อยากให้เข้ามาช่วยกันดูแล

เมื่อเข้ามาเรียนรู้งานอยู่พักใหญ่ ยุ้ย ก็ได้ไอเดียต่อยอดธุรกิจให้มีความหลากหลายเข้ายุคสมัยมากขึ้น โดยหยิบเอาความโดดเด่นของบ้านช่างทอง คือฝีมืออันประณีตละเอียดอ่อนในการทำเครื่องประดับทองโบราณ มาประยุกต์ให้เข้ากับความต้องการของคนยุคใหม่ให้มากขึ้น "ในอุตสาหกรรม ทองจริงๆแล้ว ช่างฝีมือยังคงยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ มีการพัฒนารูปแบบน้อยมาก แต่ในการทำธุรกิจทุกอย่างต้องมีการพัฒนาให้เข้ายุคสมัย ในเมื่อเราโตมากับตรงนี้ ก็ไม่อยากเห็นงานฝีมือด้านนี้หายไป เลยเข้ามาต่อยอดด้วยการแตกไลน์ธุรกิจให้กว้างขึ้น เพื่อให้ช่างทองมีงานทำ และให้คนหันมานิยม ใส่ทองกันมากขึ้น โดยใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า Goldlery"

สำหรับความแตกต่างระหว่างงานฝีมือของบ้านช่างทองและแบรนด์ Goldlery นั้น ยุ้ย บอกว่า งานบ้านช่างทองเป็นลักษณะงานแบบไทยดั้งเดิม ที่หยิบเอาความโดดเด่นของงานสกุลช่างในยุคต่างๆมาทำ ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนสูง และใช้ได้เฉพาะงาน ส่วนของ Goldlery เป็นการต่อยอดงานฝีมือจากบ้านช่างทอง โดยทำให้ใช้งานได้มากขึ้น แต่ยังคงความละเอียดอ่อนของชิ้นงานไว้ คือมีความโดดเด่นที่เป็นงานเพียวแฮนด์เมดแบบชิ้นต่อชิ้น "เราต้องการต่อยอด ในส่วนที่ เป็นจุดแข็งจุดเด่นดั้งเดิมของบ้านช่างทอง ซึ่งเป็นส่วนที่เราถนัดเอาไว้  ถ้าให้เราไปแข่งทำงานแบบแมชชีนเมดเหมือนคนอื่น เราก็ไม่เก่งเท่าเขา  ในเมื่อเราเก่งเรื่องงานแฮนด์เมด  ก็ต้องหยิบจุดแข็ง นี้มาต่อยอด เป็นการเพิ่มสีสันให้กับตลาดและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการชิ้นงานแปลกใหม่ มีคุณค่าแบบชิ้นต่อชิ้น"

ยุ้ย ยังบอกถึงหลักในการทำงานด้วยว่า "มีใจให้งานเดียวไม่ได้ ต้องเข้าใจในเนื้องานด้วย เพราะถ้าเรามีความ เข้าใจในเนื้องานแล้ว เราจะสามารถแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า ที่สำคัญคือต้องปล่อยวาง บ้าง และทำงานแบบเป็นทีมเวิร์ก"....ซึ่งจุดนี้จะทำให้เธอประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก!!!

...