ถ้าพูดถึงชุดชั้นในคุณภาพเยี่ยมที่ครองใจสาวๆทั้งโลกมาหลายทศวรรษ ทุกคนจะต้องนึกถึง “วาโก้” ผู้ผลิตชุดชั้นในระดับตำนานของญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1946 โดย “มร.โคอิชิ สึกาโมโต” อดีตพ่อค้าเครื่องประดับจากเมืองเกียวโต เป็นหัวหอกสำคัญในการปฏิวัติแฟชั่นการแต่งกายของสุภาพสตรีญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาคือผู้สร้างสรรค์ชุดชั้นในที่มีช่องใส่แผ่นเสริมทรงเป็นคนแรก ช่วยให้ผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีอกแบนราบได้อวดสรีระสวยสะพรั่ง

จากวันนั้นถึงวันนี้ “วาโก้” ก้าวสู่ทศวรรษที่เจ็ดอย่างมั่นใจเต็มร้อย โดยยังคงครองแชมป์ความเป็นขวัญใจผู้หญิงทุกชาติทุกวัยอย่างไม่เสื่อมคลาย และเพื่อค้นหาคำตอบว่า อะไรคือเคล็ดลับสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของชุดชั้นในวาโก้ ทีมข่าวสตรีไทยรัฐได้บุกไปเยือนถิ่นกำเนิดของ “วาโก้” ถึงเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตามคำเชิญของเครือสหพัฒน์ และบริษัทวาโก้คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับการวิจัย พัฒนาวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของ JIS ซึ่งพัฒนาตัวเองไปอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยมี “มร.ยูโซะ อิเดะ” ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทวาโก้คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น มาให้สัมภาษณ์ถึงตำนานความยิ่งใหญ่ของชุดชั้นในอันดับหนึ่ง

...

อะไรคือแรงบันดาลใจให้ทหารผ่านศึกเช่น “มร.โคอิชิ” ลุกขึ้นทำธุรกิจชุดชั้นใน

ท่านประธานเป็นทหารกองทัพญี่ปุ่น ไปร่วมรบที่พม่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสงครามสงบลง ท่านประธานได้เดินทางกลับบ้านเกิด พร้อมกับชักชวนเพื่อนๆทหารที่รอดตายจากสงครามมาเข้าหุ้นกันขายเครื่องประดับ ท่านประธานบอกว่า ตอนไปรบมีกลุ่มเพื่อนกอดคอกันไป 25 คน แต่เหลือรอดตายเพียง 3 คน ระหว่างนั่งเรือกลับมา ยังแอบคิดว่าทำไมเราถึงรอดกลับมาได้ พระเจ้าน่าจะช่วยให้รอดชีวิตเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ หลังจากสงครามจบไป 1 ปี ในปี 1946 ท่านประธานสังเกตเห็นว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นเริ่มอยากแต่งเนื้อแต่งตัวแฟชั่นมากขึ้น เข้าตำรา “เมื่อมีความสงบสุขเกิดขึ้น ผู้หญิงก็จะมีความสวยงาม” ในช่วงก่อนสงครามสงบ ผู้หญิงญี่ปุ่นยังนิยมใส่กิโมโน ที่เป็นผ้าหนึ่งผืนพันรอบกาย ด้วยความที่สรีระของผู้หญิงยุคนั้นถูกห่อด้วยกิโมโนมิดชิด จึงทำให้มีรูปร่างแบนๆไม่มีหน้าอก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แฟชั่นเสื้อผ้าจากตะวันตกหลั่งไหลเข้ามา สาวๆญี่ปุ่นจำนวนมากประสบปัญหาชุดหลวมโพรก ใส่ยังไงก็ไม่สวย ช่วงนั้น ทหารอเมริกันทิ้งนิตยสารเอาไว้ ท่านประธานเปิดดูและเห็นโฆษณาชุดชั้นในหลายหน้า จึงเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจชุดชั้นในอย่างจริงจัง เพราะเชื่อมั่นว่า อนาคตผู้หญิงญี่ปุ่นจะต้องหันมาแต่งกายแบบชาวตะวันตก ฉะนั้น ชุดชั้นในจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น แรกเริ่มท่านประธานใช้ภรรยาตัวเองเป็นนางแบบในการวัดตัว ออกแบบ และตัดเย็บชุดชั้นใน ท่านประธานเป็นคนแรกที่คิดทำชุดชั้นในที่มีช่องสำหรับใส่บราแพด หรือแผ่นเสริมทรง ปรากฏว่าขายดิบขายดีมาก เพราะช่วยให้หน้าอกสวยดูโค้งเว้า และกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชื่อเสียงให้ “วาโก้”

วิวัฒนาการของชุดชั้นใน “วาโก้” เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเยอะไหม

ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เรายังยึดคอนเซปต์ทำยังไงให้ผู้หญิงได้สวยอย่างสมบูรณ์แบบตลอดเวลา “วาโก้” เป็นเจ้าแรกในญี่ปุ่นที่ทำชุดชั้นในแบบมีช่องใส่แผ่นเสริมทรง ก่อนหน้านั้นใช้กันแต่เฉพาะในหมู่สุภาพสตรีชั้นสูง แรกเริ่มท่านประธานทำเป็นไซส์ S, M, L ส่วนบราแพดก็มีขนาดเดียว ทุกคนยังไม่มีความรู้ เพราะถือเป็นของใหม่ จึงต้องลองผิดลองถูกครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็พัฒนาชุดชั้นในไปตามยุคสมัยต่างๆ เพื่อทำให้สรีระของผู้หญิงญี่ปุ่นสวยงามขึ้น แม้ชุดชั้นในมีอิทธิพลมาจากตะวันตก แต่ท่านประธานตั้งปณิธานว่า ต้องออกแบบสินค้าให้เหมาะกับสรีระรูปร่างของคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ท่านประธานจึงริเริ่มก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาสรีระ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทุ่มงบให้กับเรื่องนี้ถึง 500 ล้านเยน หรือ 200 ล้านบาทต่อปี จนปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับสรีระของผู้หญิงมากกว่า 4 หมื่นคน และกำหนดมาตรฐานการวัดสัดส่วนของร่างกายไว้ละเอียดยิบถึง 160 จุด ซึ่งในอดีตใช้มือวัดทั้งหมด ในยุคต่อๆมามีการพัฒนาเครื่องวัดร่างกายโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสร่างกาย เพื่อดูความสูงและสัดส่วนโค้งเว้าต่างๆ ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป ก็เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าผู้หญิงใส่ชุดชั้นในถูกไซส์จะทำให้ใส่เสื้อผ้าออกมาแล้วสวยงาม

...

การสร้างสรรค์ชุดชั้นในถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อะไรคือเคล็ดลับของวาโก้

ปรัชญาของบริษัท คือ ทำอย่างไรให้ผู้หญิงสวยตลอดเวลา โดยแนวคิดในการสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้า เราคิดอย่างละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน โดยจะทำสินค้าสำหรับทุกช่วงอายุของผู้หญิง ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ แม้แต่ชุดชั้นในสำหรับวันแต่งงาน “วาโก้” ก็พิถีพิถันมาก สรีระของผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือช่วงตั้งครรภ์ นอกจากท้องที่ใหญ่ขึ้นแล้ว หน้าอกก็จะใหญ่ขึ้นด้วย ขณะที่ผู้สูงอายุ เอวกับสะโพกจะอ่อนแอลง ต้องออกแบบให้มีตัวซัพพอร์ตทั้งเอวและสะโพกด้านข้าง ขณะเดียวกัน ก็ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของวัฒนธรรมด้วย เช่น ผู้หญิงยุโรปจะนิยมบราแบบซีทรู ตรงกันข้ามกับผู้หญิงเอเชีย ที่ชื่นชอบบราเสริมทรง เพราะหน้าอกค่อนข้างเล็ก ส่วนประเทศจีนขอชุดชั้นในแบบโมลด์ไทป์ ฟองน้ำที่เรียบเก็บเนื้อด้านข้างได้ดี ส่วนอเมริกาไม่ชอบรูปแบบที่รัดจนอึดอัดเกินไป ชุดชั้นในตัวหนึ่งประกอบด้วยวัสดุประมาณ 40 ชิ้น ไม่มีเสื้อผ้าประเภทไหนที่มีวัสดุประกอบมากขนาดนี้ ก็เพราะสรีระของผู้หญิงเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก  จึงต้องเลือกใช้วัสดุที่พิเศษ และมีความหลากหลายเหมาะกับสรีระของผู้หญิง รวมถึงเทคนิคการตัดเย็บต่างๆ ก็ต้องพิถีพิถันมาก เพื่อทำให้ผู้หญิงสวยมั่นใจที่สุด  เราได้พัฒนา “เครื่องวัดสรีระแบบสามมิติ” ใช้ในการวัดสัดส่วนอย่างละเอียดยิบ โดยใช้เซ็นเซอร์สแกนสัดส่วนของร่างกาย  เมื่อรูปปรากฏบนจอ  ก็จะสามารถ สแกนดูสรีระได้ทุกมิติ เพื่อนำไปสร้างหุ่นต้นแบบ จากนั้นก็นำตัวอย่างชุดชั้นในมาฟิตติ้งกับหุ่นเสมือนจริง แก้ไขปรับปรุงจนพอใจ จึงนำไปฟิตติ้งกับคน โดยมีกลุ่มตัวอย่างอยู่ 3,000 คน ครอบคลุมทุกวัยทุกขนาดสรีระ

...

ท่านประธานจับมือร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ได้อย่างไร

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบ ท่านประธานและเพื่อนๆทหารที่ประจำการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกเรียกตัวมารวมกลุ่มกันที่เมืองไทย เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเกิด ในช่วงนั้นญี่ปุ่นอยู่ในฐานะผู้แพ้สงคราม แต่คนไทยก็ยังมีน้ำใจกับทหารญี่ปุ่นมาก แบ่งข้าวแบ่งน้ำให้ทหารญี่ปุ่น ผิดกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ทำให้ท่านประธานซาบซึ้งใจมาก และประทับใจในน้ำใจของคนไทยมาตลอด ในปี 1968 “คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ผู้บริหารใหญ่เครือสหพัฒน์ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของวาโก้ ที่ประเทศญี่ปุ่น และเรียนท่านประธานว่าอยากจะทำธุรกิจร่วมกัน ท่านประธานเห็นถึงความตั้งใจจริงและกระตือรือร้น ขณะเดียวกัน ก็มีแผนในใจว่าอยากขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย จึงตอบตกลง ในปี 1970 “วาโก้” ได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังบุกเบิกธุรกิจไปไต้หวันและเกาหลีใต้ด้วย สมัยยังมีชีวิตอยู่ ท่านประธานมักพูดเสมอว่า ต้องดูแลประเทศไทยเป็นอย่างดีให้สมกับที่คนไทยเคยมีน้ำใจช่วยเหลือท่าน

...

พนักงานวาโก้จดจำ “ท่านประธานโคอิชิ” ในแง่มุมไหน

ท่านประธานเป็นคนมีวิชั่น มองการณ์ไกลได้ถูกต้อง คิดและวางแผน แล้วลงมือทำทันที ตอนผมจบการศึกษามาใหม่ๆ ได้สมัครงานไว้หลายแห่ง แต่ละบริษัทรับเข้าทำงานแล้ว แต่เมื่อมาถึง “วาโก้” แม้ขณะนั้นจะไม่ใช่บริษัทใหญ่ แต่ท่านประธานเป็นผู้สัมภาษณ์พนักงานทุกคน ท่านได้เล่าประวัติของท่านให้ฟัง เล่าว่า ก่อร่างสร้างตัวมาจากศูนย์อย่างไร และอยากให้พวกเราเข้ามาช่วยกันทำบริษัทนี้ให้เจริญเติบโต ท่านประธานและลูกชายมีสไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน คนพ่อจะคิดและตัดสินใจทำรวดเร็ว พนักงานต้องทำตามไม่มีสิทธิออกเสียง ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต่างกับประธานคนลูกที่ใจดี เปิดโอกาสให้พนักงานร่วมคิด และลองผิดลองถูก

ท่านประธานวาดฝันอยากสร้างอาณาจักร “วาโก้” ให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ท่านอยากให้เจริญก้าวหน้าเป็นบริษัทนานาชาติ ขยายตลาดไปต่างประเทศ ประเทศแรกที่ออกไปตั้งโรงงานคือจีน หลังท่านเสียชีวิต ลูกชายของท่านก็ขึ้นเป็นประธานคนใหม่ และได้เข้ามาสานต่อความฝันของพ่อ โดยผลักดันให้ “วาโก้” เป็นบริษัทชุดชั้นในอันดับหนึ่งของโลก ที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องนึกถึงเป็นแบรนด์แรก

อะไรคือหมัดเด็ดของ “วาโก้” ที่เซอร์ไพรส์สาวๆทั้งโลก

เรามีนวัตกรรมใหม่อีกตัวหนึ่ง เรียกว่า “สไตล์ไซเอน” ตัวนี้ใส่แล้วทำให้ไขมันในร่างกายลดลงได้ โดยหลักการคือ ใช้เทคนิครูปเอ็กซ์ เป็นจุดตัดที่จะไปกดกล้ามเนื้อ โดยด้านข้างจะใช้ผ้าที่ทอมาเฉพาะเพื่อให้ยืดหยุ่นแตกต่างกัน นวัตกรรมตัวนี้จะก่อให้เกิดการกดกล้ามเนื้อด้านหน้าและด้านข้างของหน้าขา ทำให้ก้าวขาได้ยาวขึ้น บังคับให้ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการเดิน ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ไขมันในร่างกายลดลง เป็นหลักการเดียวกับเครื่องออกกำลังกายในฟิตเนส ที่ทำให้ยกก้าวไปได้ไกลๆเพื่อช่วยลดสะโพก แนวคิดนี้ คิดจากพื้นฐานของคนญี่ปุ่นที่ชอบเดินตลอดเวลา  เราได้ทดลองดูว่า ในหนึ่งวัน ถ้าเดินได้ 6 พันก้าว หนึ่งอาทิตย์เดิน 5 วัน ปรากฏว่าได้ผลจริงๆ ทำให้สัดส่วนเพรียวขึ้น สินค้ากลุ่มนี้มีวางขายเฉพาะในญี่ปุ่น, จีน, ไต้หวัน และสิงคโปร์ เริ่มขายตั้งแต่ปี 2005 ทำยอดขายไปได้มากกว่า 10 ล้านตัวแล้ว นวัตกรรมตัวนี้ต่างจากพวกสเตย์ ใส่แล้วหุ่นจะดีขึ้นเรื่อยๆ รูปร่างฟิตแอนดเฟิร์มแม้ถอดเสื้อผ้า หนุ่มๆญี่ปุ่นก็ฮิตสินค้าไลน์นี้มาก ตอนนี้เรากำลังเร่งพัฒนารองเท้าส้นสูงที่ใส่สบายและรับน้ำหนักได้พอดี ทำให้รู้สึกมั่นคงเวลาเดิน โดยใช้หลักสรีรศาสตร์มาช่วยในการคิดค้นผลิตภัณฑ์

นอกจากชุดชั้นในแล้ว “วาโก้” ยังมีสินค้าอะไรอีก

เรามีชุดชั้นในผู้ชายด้วย และยังมีสปอร์ตแวร์ ชุดออกกำลังกาย รู้จักในชื่อแบรนด์ “ซีดับบลิวเอ็กซ์” ในเมืองไทยก็มีวางจำหน่าย แบรนด์นี้เน้นกลุ่มคนรักกีฬา เราพัฒนาสินค้าที่ใส่แล้วช่วยกระชับกล้ามเนื้อมากขึ้น ใส่แล้วออกกำลังกายได้มากขึ้น เหนื่อยน้อยลง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าน้อยลง โดยเทคนิคเด่นของแบรนด์นี้อยู่ที่ “เทปปิ้ง” คือการโอบอุ้มกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อไม่เคลื่อนไหวมาก ส่งผลให้เหนื่อยล้าน้อยลง และทำให้ประสิทธิผลในการออกกำลังกายดีขึ้น เทคนิคนี้พัฒนามาจากชุดชั้นในกระชับหน้าท้อง และยกก้น ผลจากความทุ่มเทในการพัฒนาสรีระของคนเพื่อใช้ในการทำชุดชั้นใน ทำให้ “วาโก้” สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชุดกีฬา เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือผู้ผลิตชุดกีฬาเจ้าอื่นๆ เราจดลิขสิทธิ์ “ซีดับบลิวเอ็กซ์” ไว้ทั่วโลก เพราะถือเป็นนวัตกรรมที่ภาคภูมิใจ

ในฐานะผู้นำวงการชุดชั้นในโลก “วาโก้” มีนโยบายตอบ แทนคืนสังคมอย่างไรบ้าง

เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยส่งเสริมโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเต้านม ล่าสุด “วาโก้” ทำโครงการ “รีมัมม่า” ชุดชั้นในสำหรับคนผ่าตัดมะเร็งเต้านม เรายังทำโครงการพิงก์ริบบอน รณรงค์ให้ผู้หญิงตรวจมะเร็งเต้านม

“วาโก้” เล็งเห็นโอกาสทองอะไรจากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เราวางกลยุทธ์ไว้แล้วว่าจะให้น้ำหนักกับภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น สมัยก่อนเราลงทุนในจีนค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันเมื่อเกิดปัญหาพิพาทดินแดนเกาะ จึงมองว่าเสถียรภาพของญี่ปุ่นในจีนไม่มั่นคง นอกจากนั้น ค่าแรงในจีนก็แพงขึ้นเรื่อยๆ จึงปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยวางจีนไว้เป็นตลาดใหญ่สำหรับผู้บริโภค แต่ไม่ใช่ฐานการผลิตใหญ่ของ “วาโก้” จากภูมิศาสตร์ประเทศไทย ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างลาว, พม่า และกัมพูชา ซึ่งมีดินแดนติดกัน ทำให้ “วาโก้” วางแผนไว้ว่า ในอนาคตจะใช้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อไปภูมิภาคนี้ โดยร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ สร้างฐานวัตถุดิบเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงในประเทศไทย และจับมือกันไปตั้งโรงงานในพม่า เพื่อแก้ไขปัญหาค่าแรงสูง อินโดนีเซียเองก็ถือเป็นตลาดใหญ่ เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์และเวียดนาม แต่ยังขาดแรงงานที่มีฝีมือ สู้ไทยไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่กลุ่มประเทศอาเซียนรวมตัวกันในปี 2015 กำแพงภาษีต่างๆจะหมดไป และเป็นโอกาสดีสำหรับ “วาโก้” ที่จะใช้ศักยภาพของทั้งภูมิภาคนี้ให้เกิดประโยชน์ โดยมั่นใจว่า “ไทยวาโก้” คือพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในการพัฒนาและบุกเบิกตลาดอาเซียน.

ทีมข่าวหน้าสตรี