หมอผิวหนังเผยเทรนด์งานผิวยุคใหม่ ต้องสวยสุขภาพดีจากภายใน

เทรนด์ความงามในแต่ละยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่สำหรับปี 2023 หมอผิวหนังยกให้เทรนด์งานผิวที่สวยสุขภาพดีจากภายใน เป็นเทรนด์ที่มาแรงและได้รับความสนใจจากคนทุกเพศทุกวัย

นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล และ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร สองแพทย์ผิวหนังชื่อดังได้เผยเทรนด์ความงามยุคใหม่พร้อมวิธีดูแลผิวให้สวยจากภายใน ในงาน Merz Aesthetics Expo ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งคนแต่ละช่วงวัยต่างมีปัญหาผิวพรรณที่ต่างกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างต้องการมีสุขภาพผิวที่ดี

นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล หรือหมอโอ๊ค เผยว่าปัญหาผิวพรรณของคนไทยมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของผิวของแต่ละบุคคล รวมไปถึงแต่ละช่วงวัยก็มีปัญหาผิวแตกต่างกันไป วัยรุ่นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาสิว หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ส่วนวัยทำงาน เริ่มมีเรื่องริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำหน้าไม่กระชับ หรือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมถึงปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง รอยสิวจากวัยรุ่น สำหรับวัยผู้ใหญ่มักจะพบเจอปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก

“แต่ปัญหาผิวที่พบได้ในทุกช่วงวัยคือปัญหาผิวขาดน้ำที่จะส่งผลต่อคุณภาพของผิว ขณะที่เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงในตอนนี้คือ เทรนด์งานผิวสุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็นการมีผิวเรียบเนียน นุ่ม น่าสัมผัส ใบหน้ากระชับ หรือใบหน้าฉ่ำวาว ซึ่งสื่อถึงการมีสุขภาพภายในที่ดี”

สำหรับการดูแลผิวพรรณให้ดีจากภายใน หมออุ๋ม หรือ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร แนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ (ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน) ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และเลือกทานสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะ “โปรตีน” เพื่อเสริมสร้างร่างกายและผิวพรรณ

“รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น การรับประทานวิตามินซี หากต้องการกินเพื่อเสริมสร้างผิวพรรณให้สุขภาพดี ควรกินอยู่ที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และเลี่ยงการรับประทานตอนกลางคืน เพราะอาจมีผลเสียต่อร่างกาย”

หมอโอ๊ค ได้กล่าวเสริมว่านอกจากการกินอาหารที่มีประโยชน์ และการบำรุงผิว ที่เป็นการดูแลผิวแบบ inside out แล้ว ยังต้องดูแลผิวแบบ outside in ด้วย ได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิผ่อนคลายจิตใจ

ที่ผ่านมาเทรนด์งานผิวในแต่ละยุคสมัยก็มีความแตกต่างกัน เทรนด์งานผิวในช่วงแรกคนส่วนใหญ่นิยมความกระจ่างใส ดูใบหน้าผ่อง (Clear and White Skin) ถัดมาเทรนด์เปลี่ยนแปลงเน้นไปทาง เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับใบหน้า เพิ่มความโกลว์ (Moist and Glass Skin) และเทรนด์งานผิวในปัจจุบัน คือ เทรนด์เปลือยผิวแบบ Transparent skin ผิวที่ดูใส ราวกับมองทะลุได้ มีความฉ่ำวาวแบบกระจก (Glass Skin) และเรียบเนียนดูสุขภาพดี (Clear skin) ในเวลาเดียวกัน

สำหรับเทรนด์งานผิวในวันนี้ที่ต้องสวยจากภายใน ประกอบด่วย 4 คุณสมบัติ คือ

• Skin Firmness: ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น
• Skin Tone Evenness: สีผิวสม่ำเสมอ
• Skin Surface Evenness: ผิวเรียบเนียน
• Skin Glow: ผิวเปล่งประกาย ดูโกลว์

ปัจจุบันในทางการแพทย์มีหลายเทคนิคที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น ตอบโจทย์เทรนด์ความงามด้านงานผิวในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เช่น การฉีดฟิลเลอร์งานผิวที่ช่วยทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังและผลเคียงข้าง ซึ่งคนไข้หรือผู้ใช้บริการต้องตรวจเช็กและมั่นใจในเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ รวมทั้งควรเลือกรับบริการกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะฟิลเลอร์งานผิวต้องมีเทคนิคในการฉีดที่ดี ต้องฉีดให้ถูกตำแหน่งและในชั้นผิวที่ถูกต้อง

“ฟิลเลอร์งานผิวจะเป็นการฉีดเข้าผิวในชั้นตื้นๆ ทำให้คุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้น เพราะคุณสมบัติของ Hyaluronic Acid และ Glycerol ที่จะช่วยดูดน้ำ และอุ้มน้ำใต้ผิว แต่จะไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปหน้า หากคนไข้ต้องการทำหัตถการประเภทเลเซอร์ที่ส่งคลื่นความร้อนลงใต้ผิว แนะนำให้เริ่มทำก่อนการฉีดฟิลเลอร์เพื่อความปลอดภัย” หมอโอ๊คกล่าว

นอกจากการฉีดฟิลเลอร์งานผิวแล้ว ยังมีอีกหลายเทคนิคที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละวิธีก็ตอบโจทย์ความต้องการไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการงานผิวควรทำความเข้าใจปัญหาผิวพรรณของตนเองว่าเหมาะกับเทคนิคแบบใด แต่ละเทคนิคมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและคุ้มค่าที่สุด

ภาพ : iStock