กลับมานั่งดูรูปเก่าที่เคยไปเที่ยวช่วงปลายปีที่ผ่านมา เห็นทีไรก็กระตุ้นต่อมอยากเที่ยวขึ้นมาทุกที แข้งขามันกระดุ๊กกระดิ๊กอยากไปเดินขึ้นเขาเที่ยวป่าเสียจริงๆ
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรขึ้นมาแล้ว I TOUR ALONE สัปดาห์นี้เลยขอเล่าประสบการณ์แสนประทับใจของฮัมมิ่งเบิร์ด ที่ได้ไปเที่ยว วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ เมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในบรรยากาศสุดชิล ลมหนาวเย็นฉ่ำ ท้องฟ้าสีสด อืม...ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์กลับมาซะเต็มปอด
-1-
ขอสารภาพตรงๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวลำปางเลย แต่เห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากเชียงใหม่มากนัก พอมีเวลาเหลือเลยคิดว่าอยากจะแวะมาซะหน่อย ก็ได้ยินหลายคนพูดกันปากต่อปากว่า ที่นี่มีเจดีย์สวยบนยอดเขา
สืบไปสืบมาก็ถึงบางอ้อ! นี่มันวัดที่อยู่ในหนังเรื่องหลวงพี่แจ๊สนี่หว่า...โดยวัดมีชื่อเต็มๆ ว่า วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
...
ตอนแรกก็ขยาดเหมือนกันนะ มองเห็นเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงลิบขนาดนั้น จะเดินขึ้นเขายังไงไหว แต่ได้ยินพี่ที่ร่วมนั่งรถคันเดียวกันคุยกับเพื่อนบอกว่า “เฮ้ย เขามีรถโฟร์วีลให้นั่ง ไม่ได้เดินจากตีนเขาหรอกแก...” พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง (เออ ค่อยสบายใจหน่อย)
จากตัวเมืองลำปาง เราเหมารถออกนอกเมืองมุ่งหน้าสู่อำเภอแจ้ห่ม ระหว่างนี้เราก็เสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของวัดแห่งนี้ไปพลางๆ ว่ากันว่าที่นี่เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านแถบนี้ยาวนานตั้งแต่สมัยอดีต
เมื่อก่อนยังไม่มีการสร้างถนนขึ้นเขา ชาวบ้านใช้การเดินเท้าจากตีนเขาเพื่อขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ต่อมาหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล (พระเทพวิสุทธิญาณ) เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา ได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทโดยการเดินเท้า พลังศรัทธาของท่าน ทำให้ผู้คนอยากเดินทางมาที่นี่เช่นกัน และมีจำนวนมากขึ้นทุกปี
จนในที่สุดทางคณะสงฆ์จึงมีมติให้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณใกล้ๆ กับรอยพระพุทธบาท เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระราชสมภพครบ 200 ปี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2547 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน เป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย
-2-
พอถึงที่หมาย สิ่งที่เห็นคือ 'ร้านค้า' (ฮา...) ด้วยความหิวเราเลยปรี่เข้าไปกินก๋วยเตี๋ยวเติมพลังก่อนเลย กินเสร็จก็ไปซื้อตั๋วขึ้นเขา ราคาคนละ 80 บาท แล้วก็รอรถโฟร์วีลมารับ วันที่เราไปตอนนั้นเป็นวันธรรมดา รถบริการมีน้อยเลยต้องรอนานหน่อย แต่ถ้าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีรถบริการมากถึง 16 คันต่อวัน
...
จุดเด่นอีกอย่างของวัดแห่งนี้ที่มาแล้วห้ามพลาดชมก็คือ เจดีย์เล็กๆ สีขาว เรียงรายอยู่หลายองค์ ประดิษฐานไว้บนยอดเขาสูงเสียดฟ้าอย่างน่าแปลกใจ เหมือนมีใครหยิบขึ้นไปวางไว้ซะอย่างนั้น ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสลับสูงต่ำ นี่แหละไฮไลต์ที่เราอยากมาชมเป็นบุญตา ตื่นเต้นชะมัด...
เอาล่ะ พอรถมารับเราก็ขึ้นนั่งประจำที่ ทางไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ เฮ้ย...นี่มันสูงมาก! คนขับชำนาญเส้นทางอย่างที่สุด เพราะทางขึ้นเขาชันมาก มีบางจังหวะก็โค้งหักศอก ทำเอารถเหวี่ยงจนคนนั่งตัวลอย บางจังหวะก็ขับพุ่งขึ้นเขาจนเหมือนรถตั้งฉาก ถ้าไม่เกาะให้ดีมีหวังลงไปกองที่ท้ายกระบะแน่ ระทึกไปอีก...โอ๊ยขาสั่น
...
ในที่สุด ระยะทางหฤโหดจบลงในเวลาประมาณ 30 นาทีได้มั้ง ต่อจากนี้ก็เป็นการเดินเท้าต่อในระยะทางประมาณ 900 เมตร ทางเดินที่นี่ค่อนข้างชัน ดีหน่อยที่เขาทำบันไดทางเดินไว้ให้นักท่องเที่ยว ก็เลยเดินได้ง่าย ถ้าไม่นับว่ามันชันมากจนต้องเกร็งกล้ามขาอะนะ สิริรวมบันได 300 กว่าขั้น เราใช้เวลาเดินไม่นาน แค่ 20 นาทีเอ๊งงงงง... (เริดป่ะ?)
พอขึ้นไปถึงบนยอดเขาตรงจุดชมวิวเท่านั้นแหละ ไอ้ที่เหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ ตะกี้ หายไปเป็นปลิดทิ้ง ลมพัดเข้ามาที่วัดตลอด เย็นสบายมากๆ แถมวิวตรงหน้านี่ โอ้โห...โอวมายด์ก็อต มันสุดยอด! เป็นวิว 360 องศาที่สวยมากๆ ได้มองมาจากมุมสูงแบบ Bird eye view และเห็นเจดีย์สีขาวอยู่ลิบๆ
...
-3-
จากตรงนี้ มีทางเดินขึ้นสูงไปอีก 2 ทาง ซ้ายและขวา เราเดินขึ้นไปทางขวาก่อน ด้านบนมีเจดีย์องค์ใหญ่ ฐานสีขาวประดับกระจกสีสันสีน้ำเงินระยิบระยับ ด้านบนเป็นสีทองผ่องแผ้ว ตรงนี้เรียกว่า 'องค์พระธาตุ' เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินขึ้นมาไหว้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ แน่นอน...เราก็ไม่พลาดเช่นกัน
ขอบอกว่าวิวตรงนี้แจ่มสุดๆ ลมเย็น ท้องฟ้าสีสดใส ก้อนเมฆกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าเป็นปุยนุ่น นี่ก็พยายามสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายหน เหมือนอยากจะเก็บอากาศบริสุทธิ์ของที่นี่กลับกรุงเทพฯ ให้ได้มากที่สุด
ชมวิวเพลินๆ สักพัก เราก็ขยับขาลองเดินขึ้นไปชมฝั่งซ้ายบ้าง ขึ้นมาตรงนี้จะเป็นเหมือนศาลา ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ ว่ากันว่าตรงนี้ใช้สำหรับการสวดมนต์ทำวัตรเช้าวัตรเย็นของพระสงฆ์ อากาศโปร่งโล่งสบาย แถมยังสามารถมองเห็นเจดีย์องค์เล็กสีขาวกระจายอยู่ประมาณ 8-9 องค์ ได้ใกล้ๆ อีกด้วย
น่าเสียดายที่เราต้องรีบกลับเข้าเชียงใหม่ซะก่อน ก็เลยไม่ได้ไปกราบรอยพระพุทธบาทที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของยอดเขา แต่ไม่เป็นไรเพราะเราตั้งใจไว้ว่าจะมาเที่ยวที่นี่อีกแน่ๆ วิวหลักล้านขนาดนี้ เจดีย์อลังการแบบนี้ ยังไงก็ต้องมาอีกให้ได้
ใครอยากมาพิสูจน์แรงศรัทธากับการสร้างองค์เจดีย์บนเขาแบบเรา แนะนำว่าถ้ามาลำปาง...ห้ามพลาดเที่ยวที่นี่นะจ๊ะ
การเดินทาง
จากตัวเมืองลำปางใช้ทางหลวงหมายเลข 1035 เดินทางไปยัง อ.แจ้ห่ม พอถึงแจ้ห่มก็ตรงไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอทางแยกซ้ายมือ เป็นซุ้มประตูเขียนว่า หมู่บ้านใหม่เหล่ายาว ให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะมีแยกซ้ายมือเขียนว่าไป วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ขับตรงไปจนถึงป้ายวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง (ชื่อเดิม) หรือเพื่อความชัวร์จะสอบถามเส้นทางก่อนก็ได้ ติดต่อไปที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0 5327 6140-2