“อะเมซิ่ง” ถูกนำมาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จนโด่งดังเป็นพลุแตก เพื่อดึงคนมาสัมผัสสิ่งมหัศจรรย์ของไทยเรา

โดยหนึ่งในนั้น...คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำถิ่น ที่มีเรื่องราวเล่าขานเป็นจุดขายควบคู่กัน

“พัทยา”...เมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่คนทั้งโลกรู้จักและมาเที่ยวปีละ 17 ล้านคน ก็มี “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” อยู่คู่ “เจ้าพ่อเกศงาม” ตั้งอยู่ใต้ต้นเกศใหญ่ริมหาด ตรงข้ามซอย 6/1 ที่เชื่อว่าสร้างก่อนปี 2500 ช่วงสงครามอินโดจีน

เพื่อรำลึกถึงกษัตริย์นักรบผู้กู้ชาติ ที่มีเรื่องเล่าว่า เดิมชื่อ “สิน” มีพ่อ “ไหฮอง” เป็นชาวจีน ส่วนแม่ไทยชื่อ “นกเอี้ยง” เกิดอะเมซิ่งตั้งแต่วันคลอด ขณะท้องฟ้าแจ่มใส แต่กลับเกิดฟ้าผ่าเสาเรือนอย่างน่าอัศจรรย์

พอคลอดได้ 3 วันมีงูเหลือมใหญ่ขดตัวในกระด้งเหมือนเป็นลาง จึงถูกส่งให้เจ้าพระยาจักรีเลี้ยง จนวัย 7 ขวบได้ศึกษากับพระอาจารย์ทองดี แล้วเกิดทำผิดอาญาวัด ถูกทำโทษมัดมือลงไปแช่น้ำบนบันไดท่าน้ำ

...

พลบค่ำน้ำขึ้นท่วมร่างแต่ให้เกิดปาฏิหาริย์ บันไดหลุดจากเสา เด็กน้อยถึงลอยรอดตายมาได้ ครั้นอายุ 13 ปีถูกถวายตัวเป็นทหารมหาดเล็ก...เก่งกล้าการรบจนได้เป็นพระยาตาก (สิน) ปี 2310 สมัยกรุงศรีอยุธยา...ต้องเสียกรุงแก่พม่า ถึงต้องซ่องสุมไพร่พลเดินทัพสู่ภาคตะวันออกไปตีเมืองระยอง จันทบูร

ระหว่างทางได้พักทัพที่ชายทะเลแห่งหนึ่ง โดยพื้นที่นั้นได้ถูกขนานนามต่อมาว่า “ทัพพระยา” ก่อนเรียก “พัทธยา” ตามชื่อลมประจำถิ่น สุดท้ายกลายเป็น “พัทยา” โดยไม่ปรากฏคำแปลในพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานฉบับใด...ก่อนการตีหัวเมืองจันทบูร เสบียงอาหารขณะนั้นกำลังร่อยหรอ พระยาตาก (สิน) จึงสั่งทหารหลังกินอาหารแล้วให้ทุบหม้อไหทั้งหมดทิ้ง หากรบไม่ชนะก็จงเตรียมตัวอดตาย!

กุศโลบายนี้ได้ผล ทำให้ทหารฮึกเหิมยึดจันทบูรลามไล่ไปถึงเมืองตราดได้สำเร็จ ต่อจากนั้นยังปราบหัวเมืองที่แข็งข้อก่อกบฏ ต้องสยบกับพระยาตาก (สิน) ได้หมดทุกหย่อมหญ้า

จนที่สุด...สามารถขับไล่พม่าออกจากรุงศรีฯ และกู้แผ่นดินกลับมาได้หลังเสียกรุงไป 7 เดือน กับทรงย้ายราชธานีมาที่กรุงธนบุรี พร้อมทรงปราบดาภิเษกเป็น “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” จากนั้นได้รับถวายสมัญญานามเป็น “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” แต่...มีพระชนม์ชีพอยู่เพียง 48 พรรษา ก็เสด็จสวรรคตโดยไร้ความชัดเจนว่า ทรงวิกลจริต...หรือเสด็จฯไปผนวชที่เขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช จนเสด็จสวรรคตที่นั่น?

OOOO

เจตน์ (ดิเรก) บุญศรี กรรมการบริหารมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา เล่าว่า ศาลหลังเดิมนั้นดูทรุดโทรมไร้คนดูแล ปี 2535 มูลนิธิสว่างฯได้ร่วมกับเมืองพัทยา ททท.พัทยา กับหน่วยงานรัฐ เอกชน ประชาชน คิดพร้อมใจกันสร้างศาลหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่า...“ระหว่างคนงานปรับภูมิทัศน์รอบศาล เกิดเรื่องไม่คาดฝัน คนงานหลายคนล้มป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ เครื่องจักรกลก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างพิสดาร”

เมื่อเป็นเช่นนี้เห็นทีต้องจัดพิธีกรรมเพื่อขอบารมี “พ่อตากสิน” ย้ายศาลชั่วคราว รอสร้างศาลใหม่ถวายพร้อมอัญเชิญพระวิญญาณกลับมาสถิต ณ ที่เดิม...พิธีกรรมดังกล่าวมีการ “เข้าญาณ” หรือ “ทรง” ถึง “เจ้าพ่อเกศงาม” และพ่อตากสินผ่านร่างเสด็จพ่อพระศิวะเทพ ก็ได้รับคำตอบมาว่า

“พ่อรู้...ทุกคนมีศรัทธาจะซ่อมแซมศาลใหม่ให้ พ่อขออนุโมทนาให้ทำงานนี้สำเร็จ จะเป็นผลบุญอันยิ่งใหญ่แก่ทุกคน จงติดต่อกับผู้รู้เขาจะช่วยได้ และพ่อจะช่วย”

...

ครั้นต่อมา...เมื่อมีการเข้าญาณอีกครั้ง พ่อตากสินจึงมีรับสั่งเพิ่มเติมว่า “พ่อขอให้ทำเป็นบ้านไม้สักทรงไทยโบราณ กับขอให้ตั้งอยู่ที่เดิม”

นอกจากนี้ให้ใช้หินแกะสลักเจ้าพ่อเกศงามประดับศาลไม่ต้องมีองค์พ่อ กับให้สร้างม้าศึกสลักหินอยู่คู่ศาล และให้ศาลหันออกทะเล เพื่อพ่อจะได้ทักทายกับ “เจ้าพ่อดำ” บนเกาะล้าน

การสร้างศาลหลังใหม่จะต้องมีการ “จำเริญ” ถอนศาลหลังเก่า องค์เทพเซียนซือ ศาลเจ้าจีนนาเกลือ แนะให้ทำพิธีสวดมนต์กับอัญเชิญองค์เทพประทับในไม้กีทรง รดน้ำมนต์รอบศาลแล้วให้นำไปจำเริญได้ทันที โดยองค์เทพรับจะสื่อทางวิญญาณกับพ่อตากสินเอง

เจตน์รับว่า คืนนั้นฝันเห็นคนแก่ 2 คน นุ่งขาวห่มขาวเดินหลังงอ ในมือถือตะปูงอเป็นสนิม แล้วนำไปทิ้งให้โดยไม่พูดอะไร

OOOO

พิธียกศาลหลังใหม่เมื่อ 23 ก.ค.2537 พ่อตากสินได้มีบัญชาไว้ก่อน ให้บวงสรวงพ่อพร้อมเสด็จพ่อพระปิยะฯ กรมหลวงชุมพรฯ องค์เทพเทวดาด้วยเครื่องบายศรี 9 ชั้น เครื่องบรรณาการ อาหารเจ ผลไม้ ข้าวตอกดอกไม้ สุรา น้ำชา ยาสูบ เครื่องเซ่นไหว้ดวงวิญญาณไร้ญาติ

...

แล้วจุดประทัดจีน ให้พลุเสียงเบิกฤกษ์เบิกชัย นาทีแห่งความมหัศจรรย์...ที่ปกติลมยามเช้าทะเลพัทยาจะสงบนิ่ง ทว่า...วันนั้นพลันมีลมอ่อนพัดผ่านให้ควันธูปมอดไหม้รวดเร็ว

ช่วงเดียวกัน...เกิดมีคนไม่คุ้นหน้าว่าเป็นใคร ขับเรือมาอาสาขอนำศาลหลังเก่าไปจำเริญไว้ที่เกาะไผ่กลางทะเลพัทยา และไม่เคยมีใครได้เห็นชายน้ำใจงามคนนั้นอีกเลย ทำให้เชื่อว่า...

นี่แหละคือพระเมตตาที่พ่อลั่นวาจาไว้...พ่อจะช่วย!

ศาลแห่งนี้...คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่หาดพัทยา ที่มีมนุษย์ทุกชาติภาษานิยมมาสักการบูชาประจำทุกวันเพื่อขอพรเสริมมงคล

มิสเตอร์โจ วัย 61 ปี ชาวฮ่องกง เคยอยู่เมืองไทยสมัยเด็ก และกลับไปทำธุรกิจที่ฮ่องกง ทุกปีเขาจะมาพัทยาเพื่อไหว้ศาลแห่งนี้ ด้วยรู้ว่าพ่อตากสินเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่ดลบันดาลให้ชีวิตประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน

ทุกวันนี้...คนหมู่มากมักมาขอความเจริญก้าวหน้า ขอบุตร โชคลาภ การค้าขาย ด้วยคาถา “โอม สิโน ราชาเทวะ ชะยะตุภะวัง สัพพะศัตรู วินาสสันติ” กับคำถวายเครื่องสักการะ “โอม สิโน ราชาเทวะ นะมามิหัง”...เมื่อสำเร็จก็จะมาแก้บนด้วยละครไทย รำไทย พร้อมเครื่องเซ่นบูชา

...

ส่วนการบวงสรวงใหญ่ประจำปี จะมีในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 1 ซึ่งทุกปีจะมีคลื่นมนุษย์เรือนพันเรือนหมื่นมาร่วมพิธี ปีนี้ตรงกับ “วันพ่อ ร.9” 5 ธ.ค. จึงจำเป็นต้องเลื่อนเป็นวันที่ 7 ธ.ค. โดยจะเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ภายใต้มิติ...อะเมซิ่ง! พัทยา

“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.

รัก-ยม