สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ก็ได้แต่ขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาให้พบเจอโค้ชและเด็กทั้ง 13 คนโดยเร็ว
จากเหตุการณ์นี้ อาจส่งผลกระทบให้หลายคนเข้าใจว่าการเที่ยวถ้ำเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ในความเป็นจริงหากมีการเตรียมตัวให้ดีพร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ สิ่งสวยงามที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติก็ยังน่าค้นหาอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ:
- ตำนานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน กับเรื่องราวของเด็กติดถ้ำ
- รู้ลึก 'ถ้ำหลวง' เชียงราย สถานที่เที่ยวสุดลึกลับ 13 คนยังค้นไม่พบ
- 7 วิธีเที่ยวถ้ำให้ปลอดภัย
- อันตรายที่พบได้ในถ้ำ
- 5 อุปกรณ์เตรียมตัวเที่ยวถ้ำ
- รวมอุปกรณ์ไฮเทคช่วย 13 ชีวิต เด็กติดถ้ำหลวง
- 3 ถ้ำห้ามเที่ยวช่วงหน้าฝน อันตรายเหมือนถ้ำหลวง!
- รวมถ้ำน่าเที่ยวภาคเหนือ สวยงามไม่แพ้ถ้ำหลวง
ดังนั้นวันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ 7 ถ้ำที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก เริ่มต้นกันที่...
...
1. ถ้ำ Blue Grotto in Capri ประเทศอิตาลี
Blue Grotto หรือถ้ำสีฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณเกาะ Capri เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ดังนั้นเมื่อแสงส่องลอดเข้าไปจะสะท้อนให้เห็นผืนน้ำสีฟ้าใส เมื่อมองจากด้านในของถ้ำจะปรากฏเป็นแสงสีขาวที่สุกใสเหนือเส้นน้ำทะเลสวยงาม
แต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวไปยัง Blue Grotto อาจจะลำบากอยู่สักหน่อย เนื่องจากขึ้นอยู่กับระดับน้ำ อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้น เพื่อนั่งเรือเข้าชมถ้ำในเวลาประมาณ 5 นาที
2. ถ้ำ Crystals in Chihuahua ประเทศเม็กซิโก
ถ้ำใต้ดินที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก ถ้ำแห่งนี้มีผลึก Selenite คริสตัลธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดยาว 12 เมตรและเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร แต่ถ้ำแห่งนี้มิใช่สถานที่ท่องเที่ยวเนื่องจากถ้ำมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส และความชื้น 100% มนุษย์สามารถอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่นาที แม้แต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมยังสามารถอยู่ในถ้ำได้เพียง 30-45 นาทีต่อครั้งเท่านั้น
3. ถ้ำ Krubera in Abkhazia ประเทศจอร์เจีย
ถ้ำครูเบราถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของคนจอร์เจีย เนื่องจากถ้ำแห่งนี้มีความลึกเกิน 2,000 เมตร ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวจอร์เจียในปี 1960 ปัจจุบันวัดความลึกได้ 2,197 เมตร (เพราะเป็นระดับที่มนุษย์พร้อมเครื่องมือปัจจุบันสามารถเข้าไปวัดได้ถึงเท่านั้น ยังไม่มีการสรุปว่ามีความลึกเท่าใดชัดๆ) ดังนั้นถึงแม้จะสวยงามเพียงใด...นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเข้าไปเที่ยวได้แน่ๆ
4. ถ้ำ Fingal's in Staffa ประเทศสกอตแลนด์
...
ตั้งอยู่บนเกาะสตาฟฟาบริเวณหมู่เกาะอินเนอร์เฮบริดีส นอกชายฝั่งตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ โดยถ้ำนี้จะมีความลึกเข้าไปราว 70 เมตร ประตูปากทาง เข้าถ้ำสูง มากกว่า 20 เมตร มีสภาพด้านในเป็นโพรงยาวสวยงาม
5. ถ้ำ Eisriesenwelt Ice in Werfen ประเทศออสเตรีย
หรือนักท่องเที่ยวมักจะเรียกกันว่า ถ้ำน้ำแข็งย้อย ตั้งอยู่ในภูเขาHochkogel ณ เมืองWerfen ประเทศออสเตรีย ถือว่าเป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยถ้ำมีความยาวรวมกว่า 42 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในได้ แต่ต้องขอเตือนว่าควรพกอุปกรณ์กันหนาวไปแบบจัดเต็มถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน เนื่องจากอุณหภูมิในถ้ำนั้นต่ำพอสมควร
...
6. ถ้ำ Puerto Princesa Subterranean River in Palawan ประเทศฟิลิปปินส์
อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปูเวร์โตปรินเซซาในประเทศฟิลิปปินส์ได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกโลก ภายในถ้ำจะประกอบด้วยหินงอกหินย้อยต่าง ๆ ที่มีลักษณะเหมือนรูปร่างต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการของผู้พบเห็น อาทิ เทียนไข หัวสิงโต มังกร เป็นต้น และภายในถ้ำก็เป็นแหล่งที่อยู่ของค้างคาวจำนวนมาก ที่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้เพราะอุทยานแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในระยะทาง 1.2 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
7. Mammoth Cave National Park in Kentuck ประเทศสหรัฐอเมริกา
...
อุทยานแห่งชาติแมมมอทเคฟถือเป็นเป็นกลุ่มถ้ำที่ยาวที่สุดในโลก มีกาเรียงตัวของหินปูนอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตา วิธีไปก็ไม่ยากเย็นเพราะขับรถเพียง 1.5 ชั่วโมงจาก Louisville รัฐ Kentucky อุทยานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี แต่ถ้านักท่องเที่ยวอยากสำรวจถ้ำจะต้องมีไกด์ทัวร์พาไปเท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยาน
ที่มา: wanderwisdom, ที่มาภาพ: wikipedia