รัฐบาลเกาหลี ร่วมกับบริษัท HAPPY KOREA By KTCC จัดทริปเดินทางท่องเที่ยวเมืองปูซาน โดยเชิญสื่อมวลชนจากที่ต่างๆ ให้ไปสัมผัสความงดงามของเสน่ห์ทะเลตอนใต้ของเกาหลี
เพียง 5 ชม. จากประเทศไทย เราก็มาถึงสนามบิน กิมแฮ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ คุณฮงจีฮี รองประธานหอการค้าเกาหลี-ไทย ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย และ CEO บริษัท เค.ที.ซี.ซี จำกัด เดินทางมาต้อนรับทีมสื่อมวลชนด้วยตนเอง
คุณฮง บอกว่า พวกเราโชคดีที่ได้มาเที่ยวเกาหลีในช่วงเวลาที่ต้องบอกว่า เป็นช่วงที่สวยที่สุดของประเทศเกาหลี เพราะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพอดี อุณหภูมิราว 7-16 องศา เดินเที่ยวสบายๆ
ปูซานถือเป็นเมืองท่าที่มีเศรษฐกิจที่ดีอันดับต้นๆ ของประเทศ มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งภูเขาและทะเลมากกว่า 70% ของเมือง จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ ธรรมชาติ
วันแรกในปูซาน เรา อันยองอาเซโย กันที่ยอดเขามิรุกซาน ซึ่งต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Hallyeosudo Landscape Cable Car) ขึ้นไปเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่มีระยะทางยาวที่สุดในเกาหลีใต้ คือ 1,975 เมตร ใช้เวลาประมาณ 9 นาทีในการขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งต้องบอกว่า สุดยอดมากๆ สำหรับการชมวิวทะเลที่สวยงามที่สุดของเกาหลีใต้แห่งนี้
ตอนลงจากยอดเขา ตื่นเต้นกันนิดหน่อย เพราะกระเช้าเลื่อนลงเร็วกว่าตอนขึ้น เป้าหมายต่อไปของเรา คือ ฐานบัญชาการเซเบียงกวาน ซึ่ง เป็นฐานบัญชาการรบของกองทัพเรือในสมัยราชวงศ์โชซอน ถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้อีกแห่งหนึ่ง อ้อ! ลืมบอกไปว่าที่ปูซานเป็นบ้านเกิดของท่านนายพลลี ซุน ชิน ขุนพลแห่งกองทัพเรือผู้ยิ่งใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่สามารถนำทัพรบกับกองทัพญี่ปุ่นจนได้ชัยชนะ
วันที่สองในปูซาน เรามีนัดหมายที่ อุทยานพันธุ์ไม้กลางทะเลเกาะจางซาโด ซึ่งต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไป เกาะจางซาโด เป็นเกาะที่ปกคลุมด้วยพืชและดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะ ดอกคาเมลเลีย ที่จะบานในช่วงฤดูหนาว ส่วนพื้นที่ทั้งหมดของเกาะปกคลุมไปด้วย ดอกไฮเดรนเยีย หลากสีสัน ตัดกับทิวทัศน์ที่งดงามของท้องทะเลเป็นที่คนเกาหลีนิยมมาพักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติในวันหยุด
...
ต้องบอกว่า วันนี้เป็นวันท่องเที่ยวแบบธรรมชาติจริงๆ เพราะจาก อุทยานพันธุ์ไม้เกาะจางซาโด เราเดินทางต่อไปยัง สวนยองดูซาน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ ปูซานทาวเวอร์ (Busan Tower) ตั้งอยู่บนเนินเขากลางเมือง หอคอยแห่งนี้สูงประมาณ 120 เมตร ถือเป็นแลนด์มาร์คของเมือง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่มักเป็นคู่รักที่มาคล้องกุญแจบริเวณระเบียงรอบฐานปูซานทาวเวอร์ โดยมีความเชื่อว่าการคล้องกุญแจจะทำให้ความรักมั่นคงยั่งยืนตลอดไป บนยอดสุดของหอคอยยังเป็นจุดสําหรับชมวิวเมืองปูซานแบบพาโนรามาอีกด้วย
ชมวิวเสร็จแล้วก็ได้เวลาช็อปปิ้งกันละ ถ้าในโซลมีเมียงดง ที่ปูซานก็มี นัมโปดง (Nampodong Street) เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ขึ้นชื่อของเมือง สินค้ามีตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่อง สำอาง ของที่ระลึก รวมถึงร้านอาหารและร้านกาแฟเก๋ๆ ให้เลือกนั่ง
อรุณสวัสดิ์...ปูซาน เช้าวันที่สามของการเดินทาง วันนี้เราจะได้ไปเที่ยวชม หมู่บ้านวัฒนธรรมกัมชอน หรือซานโตรินีเกาหลี (Korea’s Santorini) ชื่อเรียกนี้มาจากลักษณะของหมู่บ้านที่โดดเด่น ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นหมู่บ้านที่มีบ้านเรียงตัวสลับกันไปมาทาสีสันสดใส ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่อยู่ของผู้ลี้ภัยสงครามเกาหลี ในตอนแรกก็ดูธรรมดาๆ แต่ด้วยความฉลาดของรัฐบาลเกาหลีที่ต้องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงทัศนียภาพของหมู่บ้าน ด้วยการทาสีบ้านแต่ละหลังให้สดใส กลายเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรม ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือ นักท่องเที่ยวไทยอย่างเราๆนี่ล่ะ
จากหมู่บ้านกัมชอน ไปต่อกันที่ วัดบอมอซา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขากอมจองซาน ไม่ไกลจากใจกลางเมืองปูซานมากนัก วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นสถานที่ฝึกฝนการปฏิบัติธรรมแบบพระ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ผู้เข้าร่วมฝึกฝนจะได้ประสบการณ์คล้ายกับการเป็นพระในการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นแบบสบายๆ ก็จะเป็นการดื่มชาแล้วสนทนากับพระ หรือการฝึกทำสมาธิแบบเซนสั้นๆ
...
ตกเย็นเจ้าภาพจัดโปรแกรมสร้างสีสันด้วยการพานั่งเรือยอชต์ออกไปสัมผัสสายลมทะเลปูซาน ที่อากาศแสนจะเยือกเย็น ชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ต้องบอกว่า โรแมนติกขนาดนี้ไม่น่ามาคนเดียว เลยเรา
...
หลังจากนอนหลับฝันดีที่ปูซานแล้ว วันรุ่งขึ้น โปรแกรมที่จัดให้คือ การพาไปชม อุทยานแทจงแด ซึ่งอยู่ที่เกาะยงโดทางตะวันตกเฉียงใต้ บริเวณรอบอุทยานแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขา และหน้าผาสูงชันติดทะเลซึ่งอยู่ต่ำลงไป เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มากอีกแห่งหนึ่งของปูซาน จากนั้นไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะดินปั้น ซึ่งจัดแสดงงานศิลปะและผลงานด้านเซรามิกและเครื่องปั้นดินรูปทรงของอาคารพิพิธภัณฑ์สวยงามแปลกตา โอบล้อมด้วยธรรมชาติถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความทันสมัย...อีกแห่งหนึ่ง
มาเกาหลีแต่ละครั้งก็ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ไปทุกครั้ง คนเกาหลีมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับคนไทยหลายอย่าง โดยเฉพาะรสชาติอาหารที่ค่อนข้างจะกินง่าย โดยเฉพาะอาหารสร้างชาติอย่างกิมจิ ที่แต่ละบ้านก็จะมีสูตรลับเฉพาะไม่เหมือนกัน ว่ากันว่าเฉพาะกิมจิอย่างเดียวมีมากกว่า 200 ชนิด แล้วแต่ผักที่นำมาใช้และสูตรของซอสที่นำมาใช้ในการดองผัก สำคัญไปกว่านั้น ผู้หญิงเกาหลีทุกคนต้องทำกิมจิเป็น ถ้าทำไม่เป็นเวลาแต่งงานไปจะไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ของฝ่ายชาย ถือเป็นเสน่ห์ปลายจวักของสาวเกาหลี...ที่ขาดไม่ได้
...
เหมือนสาวไทยที่ต้องตำน้ำพริกให้อร่อยยังไงยังงั้น...เลยทีเดียว!!