ขนาดว่าเข้าหน้าหนาวแล้วนะเนี่ย! แต่ในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเราฝนก็ยังไม่ทิ้งช่วง เอาล่ะหว่า...ทั้งฝนตก ทั้งร้อนอบอ้าว อย่างนี้คงต้องขอพาตัวและหัวใจหนีความชื้นแฉะ ฝุ่นควัน และรถติด ไปขึ้นดอยเที่ยวรับลมหนาวซะหน่อยดีกว่า

พอเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือได้ไม่ทันไร ไทยรัฐออนไลน์ ก็มีโอกาสดีได้ร่วมทริปกับ ททท. เดินทางไปเที่ยวชม เสน่ห์วิถีไทย ในดินแดนแห่งหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ในแคมเปญท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ที่ทำให้เรารู้ว่าเชียงใหม่ยังมีเสน่ห์ให้ค้นหาอีกเพียบ

จะว่าไปแล้ว 'แม่แจ่ม' อาจจะยังไม่ติดหูนักเดินทางมากนัก หากเทียบกับ 'ม่อนแจ่ม' ที่มนุษย์ทัวร์จีน (และทัวร์ไทย) นิยมขึ้นไปชมวิวที่นั่นกันหลายพันคนต่อปี แต่ถ้าพูดถึงธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ปลอดโปร่ง และบรรยากาศที่งดงามล่ะก็ แม่แจ่ม แจ่มไม่แพ้ใครนะจ๊ะ!

เอาเป็นว่า วันนี้เราจะขอพาคุณไปสัมผัสธรรมชาติของแม่แจ่มกันทุกซอกทุกมุม ส่วนจะมีที่ไหนน่าเที่ยว น่าประทับใจบ้าง พร้อมแล้วตามมาชม 8 แหล่งท่องเที่ยวแจ่มๆ กันเลย

...

1. Small Farm แนวคันทรี

นกเหล็กพาเราข้ามขอบฟ้าจากดอนเมืองมาถึงเชียงใหม่ในเวลาเพียงชั่วโมงเศษๆ ทันทีที่เท้าถึงพื้น พวกเราก็ไม่รีรอ ต่อรถตู้ขึ้นดอยอินทนนท์ เพื่อข้ามเขาไปยัง อ.แม่แจ่ม ทันที แต่ก่อนจะไปถึงแม่แจ่ม เราแวะรับประทานสเต็กนุ่มๆ รสเข้ม สลัดทูน่า เฟรนช์ฟราย ฯลฯ พร้อมเที่ยวชมบรรยากาศฟาร์มสไตล์คาวบอยกันที่ สมอลล์ฟาร์ม (Small Farm) ไลฟ์สไตล์ฟาร์มมิ่งสุดชิค ที่มีสัตว์น่ารักให้ชม เช่น แกะ อัลปาก้า ม้าแคระ นกกระจอกเทศ มีบริการนั่งรถม้าเที่ยวฟาร์ม แถมมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย อาหารอร่อย บรรยากาศก็ดี๊ดี เป็นการเริ่มต้นทริปที่ฟินสุดๆ

ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 58 กม. และห่างจากทางขึ้นดอยอินทนนท์เพียง 6 กม. (ไปตามถนนหมายเลข 108 เพื่อไปจอมทอง ก่อนถึงจอมทอง มีทางแยกเลี้ยวขวา ให้ไปทางดอยอินทนนท์ หมายเลข 1009 จอมทอง-แม่แจ่ม) ใครที่จะไปเที่ยวดอยอินทนนท์อยู่แล้ว เป็นต้องแวะชมฟาร์มนี้กันทุกราย

...

2. แวะน้ำตกห้วยทรายเหลือง

จากนั้น เราเดินทางขึ้นดอยกันต่อ เส้นทางออกจะคดเคี้ยวเลี้ยวลดอยู่พอสมควร ใครที่มีอาการวิงเวียนได้ง่าย แนะนำให้พกยาแก้เมารถหรือมะขามเปรี้ยวๆ ไว้แก้เมาก็จะดีมาก พอขึ้นไปถึงดอยอินทนนท์ ระหว่างทางก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจอยู่ เช่น น้ำตกห้วยทรายเหลือง น้ำเยอะ ไหลแรง จนมีป้ายเตือนว่าไม่ให้ลงเล่นน้ำ

...

น้ำตกแห่งนี้สูงประมาณ 60 เมตร มีต้นน้ำมาจากยอดดอยกิ่วแม่ปาน ลำห้วยมีน้ำใสสะอาดไหลอยู่ตลอดปี สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขาผสมป่าสน มีทั้งสนสองใบและสนสามใบ ที่สำคัญคือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเคยเสด็จทอดพระเนตร เมื่อปี พ.ศ.2528 อีกด้วย ว้าว!

3. ชมน้ำตกสูงที่สุดในเชียงใหม่ 

ไม่ไกลกันนัก มีน้ำตกสูงและสวยงามอีกแห่ง นั่นคือ น้ำตกแม่ปาน เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ น้ำตกจะตกลงมาจากหน้าผาสูงกว่า 100 เมตร มี 2 ชั้น ต้องแหงนมองสูงมากๆ ถัดลงมาด้านล่างนิดนึง ก็มีชั้นน้ำตกเล็กๆ ด้วย ถ้าจะมาชมน้ำตกแม่ปาน ต้องเดินเท้าเข้าไปตามทางเดินเล็กๆ ในป่า ไป-กลับประมาณ 1 กม. ระหว่างทางก็จะมีพืชพรรณจำพวกเฟิร์น ดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดให้ชม

...

4. สัมผัสหมอกยามเช้า ณ บ้านบนนา

เที่ยวน้ำตกพอหอมปากหอมคอ เราก็นั่งรถต่อไปถึง อ.แม่แจ่ม เข้าที่พักนอนหลับเอาแรงเรียบร้อย ก่อนจะตื่นพร้อมเสียงไก่โห่ เพื่อเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ จุดชมวิวบ้านบนนา อยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่แจ่มประมาณ 8 กม. และอีกจุดหนึ่ง ห่างออกไปอีก 3 กม. (รวม 11 กม.) ทั้ง 2 จุด เป็นเนินเขาสูง แต่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ไม่ลำบากนัก พอถึงเนินด้านบนก็มองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาล้อมรอบแบบ 360 องศา

แต่แอบเสียดาย ด้วยความที่หมอกลงจัดมาก จึงมองเห็นเพียงทะเลหมอก และไอหมอกฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ ไร้วี่แววของพระอาทิตย์ ไม่เป็นไร ถือซะว่ามาเดินเล่นอาบหมอกเย็นๆ ชิลๆ ก็แล้วกัน ถึงจะไม่เห็นแสงสีทองอาบไล้มาตามขอบฟ้า แต่ก็ได้เก็บภาพวิวงามๆ ของสายหมอกมาแทน

5. ลั้ลลาในทุ่งบัวตอง

จากนั้น เดินทางต่อไปบนทางหลวงชนบท 4024 เข้าสู่บ้านดินขาว ต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม ไกลจากตัวอำเภอ 30 กม. เส้นทางขรุขระโยกเยกไปมา ทำเอาเหงื่อซึมกันนิดหน่อย แต่พอถึง จุดชมทุ่งดอกบัวตอง เท่านั้นแหละ อาการเมื่อยก้นหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองสดบานสะพรั่งตรงหน้ากว้างใหญ่อลังการมากๆ งานนี้แต่ละคนรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้ง

สำหรับดอกบัวตอง (Mexican Sunflower) ใครที่คิดว่าคือดอกบัวชนิดหนึ่ง เอ่อ…ไม่ใช่นะ จริงๆ แล้ว มันเป็นพืชที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก ชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นบนยอดดอยที่สูง 800 เมตรขึ้นไป ถูกนำมาปลูกครั้งแรกที่ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยบาทหลวงชาวเม็กซิโก

6. นาขั้นบันได ที่นี่ก็มีน่ะเจ้า!

ถัดจากบ้านดินขาวไปอีก 8 กิโล ก็จะพบกับจุดชมวิวอีกแห่ง นั่นคือหุบเขานาขั้นบันได บ้านแม่ลอง ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 38 กม. แม้ว่าช่วงนี้ข้าวจะถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว แต่ท้องทุ่งที่ให้สีสันเหลืองทองปนสีน้ำตาลแก่ ก็ยังดูสวยงามอยู่ดี มองเห็นขั้นบันไดของนาข้าวชัดเจน และยังถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน

นอกจากนาขั้นบันไดแล้ว พอเรานั่งรถขากลับ ค่อยๆ ลงสู่ตีนเขาก็ยังพบนาข้าวบางส่วนที่ยังไม่ถูกเก็บเกี่ยว เลยทำให้ได้เห็นเวิ้งทุ่งนาเขียวๆ ท่ามกลางแสงแดดสดใส งดงามไปอีกแบบ

7. ไร่มันฝรั่งฟรุ้งฟริ้ง

ถัดมาอีกวัน เราเดินทางไปชมไร่การเกษตรของชาวแม่แจ่ม ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกผักเมืองหนาว ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี ผักกาดขาวหัวอวบๆ ไร่มะเขือเทศ และไร่มันฝรั่ง ขณะที่เราไปเที่ยวในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เป็นเวลาของการทำไร่มันฝรั่งพอดี จึงได้เห็นวิถีชีวิตของชาวไร่ ออกมาทำงานกันท่ามกลางแสงแดด อาจจะร้อนไปบ้าง แต่ออกซิเจนมาเต็ม หายใจโล่งได้เต็มที่ ผ่อนคลายกับบรรยากาศตรงหน้าสุดๆ

8. แจ่มแจ่ววิวพระอาทิตย์ตก

หลังจากนั้น ก็เดินทางต่อไปยัง สวนป่าแม่แจ่ม สวนป่าแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมพอสมควร เพราะมีบ้านพักสะอาด น่าอยู่ ไว้บริการนักท่องเที่ยวหลายหลัง ราคาเริ่มต้นเพียงหลังละ 800 บาทต่อคืน มีโรงอาหาร และที่สำคัญคือ มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากๆ วิวเบื้องหน้าเป็นเทือกเขาทอดยาวสลับซับซ้อน มองเห็นได้ 180 องศา สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของธรรมชาติจริงๆ


ยัง…ยังไม่หมดแค่นี้ 'แม่แจ่ม' ยังมีวัดสวยๆ หลายแห่ง มีประเพณีงานบุญสุดอลังการ รวมถึงของดีประจำถิ่นอย่างผ้าทอตีนจก รับรองว่าถูกใจคนชอบชมงานอาร์ตๆ แน่นอน ติดตามชมคราวหน้านะจ๊ะ


*ล้อมกรอบ*
สำหรับใครที่อยากชมธรรมชาติของแม่แจ่ม อย่างทุ่งนาขั้นบันไดแบบเขียวสด ควรไปชมระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนวิวทุ่งบัวตองบานสะพรั่งเต็มเนินเขา ควรไปเที่ยวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ติดต่อเช่ารถเดินทางได้ที่ คุณเป๊ก โทร.08-2888-5180