พื้นที่แห่งความฝันของชายคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากรูปถ่ายเพียงใบเดียว ปราสาทแสนสวย Castello Di Bellagio ที่ได้รับการออกแบบอย่างหรูหราแบบยุคเรอเนสซองซ์ พร้อมเฟอร์นิเจอร์และภาพวาดที่นำเข้าจากยุโรป สวยงามและล้ำค่าดั่งปรากฏในพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ในทำเลหุบเขาชีจรรย์ เบื้องหลังคือภูเขา ด้านหน้าคือวิวบึงน้ำกว้างใหญ่และท้องฟ้าสีครามของเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี บรรยากาศสุดโรแมนติก คล้ายกับอยู่ในเมืองเบลลาจิโอ ไข่มุกแห่งทะเลสาบโคโม อิตาลี

“Castello Di Bellagio ปราสาทที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อันสวยงาม คือความฝันของคุณพ่อ เพราะท่านหลงใหลบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบโคโม อิตาลี มากถึงขั้นอยากจะไปซื้อวิลล่าสักหลังข้าง จอร์จ คลูนีย์ ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังแห่งฮอลลีวูด แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง คุณพ่อท่านเลยจำลองโคโมมาไว้ที่นี่แทน โดยหวังให้กลายมาเป็นแลนด์มาร์กของเมืองพัทยาของคนไทย และมอบประสบการณ์ให้ผู้คนที่ยังไม่เคยไปสัมผัสความสวยงามของทะเลสาบโคโม ที่อิตาลี จริงๆ ได้มาซึมซับบรรยากาศแบบเดียวกับที่คุณพ่อหลงรักครับ

ส่วนเรื่องพื้นที่ ตัวอาคาร การออกแบบ สร้างด้วยงบประมาณเท่าไร ขอตอบว่า 100 ล้านคือเฉพาะค่าตกแต่ง ในแง่ธุรกิจกี่ปีคือจุดคืนทุนตอบไม่ได้เลยครับ (ยิ้ม) เราสร้างความฝันและทำด้วยใจกันจริงๆ”

คุณไอซ์ สุรนาท โตพานิช ทายาทผู้สานต่อความฝันของคุณพ่อ เจ้าของร้านอาหารดัง “มุมอร่อย” ที่มีหลายสาขา หลายพันที่นั่งแห่งเมืองชลบุรี ได้เล่าย้อนความถึงการก่อกำเนิดร้านอาหารแห่งนี้ ซึ่งการบริหารร้านอาหารไซส์ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ การดูแลพนักงาน การควบคุมและดูแลรสชาติอาหาร แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย แต่เจ้าตัวนอกจากจะมีใจพร้อมลุยแล้ว ยังใช้ประสบการณ์จากการเรียนวิชาทำอาหารที่ Le Cordon Bleu ผสมกับเป็นเมล็ดพันธุ์วัยเยาว์ ที่สัมผัสงานจากก้นครัวร้านมุมอร่อยมาตั้งแต่ยังเล็ก เรียนรู้และเข้าใจถึงรสชาติอาหารชนิดที่เรียกได้ว่าอยู่ในสายเลือด

“ผมโตมากับร้านอาหารอยู่แล้ว ได้เห็นความสำคัญของความใส่ใจ ไม่ละเลย ขยันตรวจสอบทุกขั้นตอน ทั้งคุณภาพความสดใหม่ของวัตถุดิบ กระบวนการปรุง ความพิถีพิถัน และซึมซับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เด็กๆ เป็นเหมือนต้นทุนที่แข็งแกร่งของผม แต่ก็มีลองผิดลองถูกมากว่า 5 ปี ครูพักลักจำจากเชฟเก่งๆ หลายคน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ว่างานในแต่ละแผนกนั้นมีการจัดการอะไรบ้าง เพื่อที่เวลามีปัญหาจะได้รู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร ทุกวันนี้เราก็ไม่เคยหยุดพัฒนา เมนูจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด โดยมีเป้าคือการทำให้ Castello Di Bellagio เป็น King of Meats ตลอดจนเมนูการปรุงอาหารเมนูยุโรปแบบต้นตำรับ แต่ได้รสชาติจัดจ้านเพื่อเสิร์ฟคนไทย เพราะร้านมุมอร่อยนั้นเป็น King of Seafood มากว่า 30 ปีแล้ว”

ความฝันของคุณพ่อ และความทุ่มเทมุ่งมั่นของผู้เป็นลูก เราจึงยิ่งทึ่งถึงความอลังการงานสร้างของตัวปราสาทแห่งนี้ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุชั้นเลิศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เช่น หินอ่อนของไทยทั่วปราสาททั้งหลัง หินเจ็ดสีจากเขาชีจรรย์ กระจกสีที่ออกแบบโดยช่างฝีมือชาวไทยมากประสบการณ์ ผสมผสานเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ทั้งสไตล์วินเทจ อาร์ตเดคโค ตลอดจนวัสดุนำเข้าจากยุโรป และของตกแต่งแอนธีกบางชิ้นอายุกว่าร้อยปี รวมไปถึงภาพวาดประดับผนังยุคเรอเนซองซ์ ยิ่งเหมือนเราได้หลุดเข้าไปอยูในปราสาทยุโรปยุคกลางเสียจริงๆ

พื้นที่ภายใน Castello Di Bellagio แบ่งใช้สอยออกเป็นหลายโซน มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor ซึ่งทุกพื้นที่ตกแต่งอย่างสวยงามตระการตาตามสถาปัตยกรรมของยุโรปทุกกระเบียด รวมไปถึงของประดับตกแต่งที่เป็นของเก่าจากยุโรปจริงๆ เริ่มที่ The Great Hall เป็นโซนแรกของการรับรองเมื่อเข้าปราสาทแสนอลังการ ให้แขกผู้มาเยือนประทับใจ ส่วน Solor Room ชั้นบนของปราสาท ตกแต่งด้วยกระจกสี ให้ดีไซน์ดูคลาสสิกยิ่งขึ้น สำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการรับประทาน ก็มี Private Room อยู่ชั้น 1 กรุด้วยหินทั้งหมด ให้บรรยากาศเหมือนรับประทานอาหารอยู่ห้องใต้ดิน พร้อม Wine Cellar ที่รวบรวมไวน์รสเลิศจากโลกเก่า (Old World Wine) ไว้มากมายนับหมื่นขวด

สำหรับใครที่ชอบรับลมธรรมชาติชมบรรยากาศภายนอก แนะนำเลยที่โซน Terrace Outdoor ได้รับประทานอาหารสัมผัสวิวเบื้องหน้าเป็นสวนสวยแบบพาโนรามา อีกทั้งในช่วงเย็นย่ำค่ำคืน ก็มีดนตรีสดเล่นให้ฟังเพลินๆ ชิลล์เพิ่มไปอีก

นอกจากชื่นชมปราสาทที่ใช้คำว่าสวยได้ไม่จบแล้ว พอเอ่ยถึงเมนูอาหาร บอกเลยว่าพิถีพิถันทุกเมนูและทุกขั้นตอนจริงๆ เพราะที่นี่นำเข้าเนื้อวัวชั้นเยี่ยมส่งตรงจากฟาร์มระดับโลกของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างวัวชั้นเลิศสองทวีป คือสายพันธุ์แองกัสและวากิว เพื่อให้การปรุงรสสเต็กได้รสชาติและรสสัมผัสขณะรับประทาน ตามสูตรของปราสาทแห่งนี้เท่านั้น

เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกับ Burrata Berry ชีสบูราต้าเสิร์ฟพร้อมร็อกเก็ต และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เรียกความสดชื่นได้จากคำแรกที่ได้ลิ้มรส ต่อด้วย Wagyu Cappacio เนื้อวากิวสไลด์บางเสิร์ฟกับร็อกเก็ต พาเมซานชีส และทรัฟเฟิลสไลด์ บอกได้เลยว่า เนื้อหอมนุ่มละลายในปากเคล้ากลิ่นหอมของทรัฟเฟิล

ใครที่ชอบเมนูซีฟู้ดหน่อย ขอแนะนำ Fuslili Pesto ฟูซิลีซอสเพสโตหอมกรุ่นสไตล์โฮมเมดพร้อมกุ้งตัวโตที่รับประกันความสดโดย King of Seafood เจ้าเก่า และ Snow Fish Bianco สเต็กปลาหิมะเนื้อนุ่ม ก็เป็นอีกตัวเลือกที่อร่อยไม่แพ้เมนูเนื้อเลยทีเดียว

ส่วนพระเอกของเมนูเนื้อวันนี้ ยกให้ Picanha Cafe de Paris เนื้อสเต็กนุ่มชุ่มฉ่ำ โดยเลือกใช้เนื้อส่วนที่อร่อยแต่มีน้อยนิดในวัวหนึ่งตัว กินคู่กับซอส Café de Paris และผักเคล อร่อยเข้ากันแบบไม่เลี่ยน ถูกใจนักชิมชาวไทยสายเนื้อที่ต้องเป็นปลื้มแน่นอน

ต่อด้วยขนมหวานแสนอร่อย Brown Butter Toast Banana Bure ขนมปังจี่กับเนยหอมๆ ชุ่มๆ กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาและกล้วยหอมเคลือบคาราเมลปิดท้ายมื้อสุดพิเศษนี้

ที่ Castello Di Bellagio แห่งนี้ สนใจและใส่ใจการเลือกเฟ้นและคัดสรรวัตถุดิบเป็นพิเศษ โดยคัดเฉพาะแหล่งที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อรังสรรค์เมนูทั้งหมดทั้งมวลได้อร่อยกลมกล่อมและมีรสชาติที่ชัดเจน โดยทางร้านมั่นใจเลือกเสิร์ฟน้ำแร่ VAVA (วาวา) ซึ่งเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ 100% จากแหล่งน้ำเขาใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใต้ชั้นหินที่มีอายุหลายร้อยล้านปี ซึ่ง UNESCO World Heritage รับรองว่าเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย

VAVA เป็นน้ำแร่ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสชาติที่ดื่มง่าย ช่วยเติมความสดชื่นจากความเย็นในเนื้อน้ำ ด้วยแร่ธาตุที่สมดุลจึงไม่ทำให้รสชาติอาหารทั้งคาวและหวานเปลี่ยนแปลง น้ำแร่วาวามีค่า pH ที่เป็นกลาง จึงสดชื่น ดื่มง่าย ได้รับรางวัล Superior Taste Award 2023 จาก International Taste Institute กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม จึงมั่นใจได้ว่าเป็นน้ำแร่ที่ได้มาตรฐานสากล รสชาติดี การันตีจากเชฟระดับโลก

คุณจึงสามารถสัมผัสรสชาติของอาหารและวัตถุดิบทั้งเมนูเนื้อ ซีฟู้ด และไวน์รสเลิศไปพร้อมกับน้ำแร่ VAVA คุณภาพชั้นยอดได้ที่ Castello Di Bellagio

Castello Di Bellagio แปลจากภาษาอิตาลี คือ “ปราสาทที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อันสวยงาม” หากใครจำชื่อทับศัพท์ไม่ค่อยได้ ก็แค่นึกถึงความหมาย เคียงคู่กับอาหารเลิศรส เท่านี้ก็คงเกินพอ ให้ที่ว่างแห่งความทรงจำได้ประทับจิตประทับใจลงไป

Castello Di Bellagio
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.
สำรองโต๊ะหรือห้องส่วนตัว โทร. 06-4694-6699