จากเหตุการณ์ ภูเขาไฟซากุระจิมะ ที่ประเทศญี่ปุ่นปะทุอย่างรุนแรงในกลางดึกคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2565 ก็ทำให้ชื่อของภูเขาไฟแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ประวัติของภูเขาไฟซากุระจิมะเป็นอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว
ที่มาของภูเขาไฟซากุระจิมะ
เมื่อเอ่ยถึง “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” ที่ผ่านมาหลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่เรามักจดจำภูเขาไฟฟูจิยาม่า หรือภูเขาไฟฟูจิมากกว่า แต่ความจริงแล้วนั้น ภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายลุยที่รักการผจญภัย เนื่องจากภูเขาไฟแห่งนี้ยังไม่ดับ และยังปะทุเป็นประจำทุกปีอีกด้วย
“ภูเขาไฟซากุระจิมะ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัดคาโกชิมะ และเป็นหนึ่งในภูเขาไฟหลักของโลกที่ยังไม่ดับ และยังมีควันพวยพุ่งออกมาจากปล่อง โดยตั้งอยู่ห่างจากเมืองคาโกชิมะราว 4 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือเฟอร์รี่ไปจากในเมืองโดยใช้เวลา 15 นาที
ภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นภูเขาสลับชั้น มียอดเขาสามลูก ได้แก่ ยอดคิตะ (ยอดทิศเหนือ) ยอดนากะ (ยอดกลาง) และยอดมินามิ (ยอดทิศใต้) ซึ่งเป็นยอดที่ยังคงมีพลังอยู่ในปัจจุบัน โดยยอดคิตะเป็นยอดที่สูงที่สุดของภูเขาไฟซากุระจิมะ มีความสูงถึง 1,117 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ภูเขาตั้งอยู่ในอ่าวคาโงชิมะส่วนที่เรียกว่าอ่าวคิงโกะ พื้นที่ที่เคยเป็นเกาะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองคาโกชิมะ คาบสมุทรที่ตั้งภูเขาไฟมีพื้นที่ประมาณ 77 ตารางกิโลเมตร
...
ที่มาของ ภูเขาไฟซากุระจิมะ เกิดจากการรวมกันของยอดเขาเหนือ กลาง และใต้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเกาะที่แยกตัวจากแผ่นดินใหญ่ อยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งของเมืองคาโกชิมะ 4 กม. แต่จากการระเบิดในปี พ.ศ.2457 ลาวาได้ไหลออกมาเชื่อมต่อกับคาบสมุทรโอสุมิ
ภูเขาไฟซากุระจิมะ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันหลากหลาย
จุดเด่นที่น่าสนใจของภูเขาไฟซากุระจิมะ ไม่ใช่แค่เพียงความน่าตื่นเต้นของการเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและยังปะทุอยู่เท่านั้น แต่รวมรูปแบบการท่องเที่ยวธรรมชาติไว้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การพักผ่อนชมธรรมชาติแบบสบายๆ ไปจนถึงการเที่ยวแบบสายลุย
1. ท่าเรือซากุระจิมะ ชมความงามของธรรมชาติทุ่งลาวาในอดีตที่ท่าเรือซากุระจิมะ พร้อมชมภูเขาไฟอย่างใกล้ชิดได้ที่หอดูดาวยูโนฮิระซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่ใกล้ปากปล่องมากที่สุด หากได้เห็นภูเขาไฟปะทุก็จะได้เห็นภาพกลุ่มละอองควันสีเทาขนาดใหญ่ที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าไปหลายพันเมตรพร้อมกับกลิ่นกำมะถันในอากาศ
2. ขี่จักรยานวนรอบภูเขาไฟ สำหรับใครที่อยากชมวิวรอบๆ ภูเขาไฟ ก็สามารถเช่าจักรยานได้ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อขี่จักรยานชมวิวด้วยตนเอง โดยเส้นทางวนรอบภูเขาไฟมีระยะทาง 36 กิโลเมตร สามารถชมวิวที่สวยงามของอ่าวคิงโกะ คาบสมุทรโอสึมิ ไคมงดะเกะ และตัวภูเขาไฟซากุระจิมะ
3. พืชผักอุดมสมบูรณ์และรสชาติดี ด้วยแร่ธาตุของดินภูเขาไฟจึงทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเติบโตดีกว่าที่อื่นๆ ภูเขาไฟซากุระจิมะเป็นต้นกำเนิดหัวไชเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีน้ำหนักถึง 45 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมี "ส้มซากุระจิมะโคมิกัง" คือส้มที่มีขนาดเล็กมาก ที่ปลูกบนเกาะภูเขาไฟแห่งนี้ ความโดดเด่นคือมีขนาดผลที่เล็กมาก แต่กลับให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและชุ่มฉ่ำ มีรสชาติหวานและเปรี้ยวผสานกันอย่างลงตัว เปลือกส้มมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่นตามแบบฉบับผลไม้ตระกูลส้ม และยังใช้เป็นเครื่องปรุงรสได้ด้วย
4. แช่ออนเซ็นสปาเท้า เมื่อมีภูเขาไฟก็ต้องมีบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเป็นกิจกรรมพักผ่อนหลังจากเดินสำรวจทั่วเกาะมาแล้ว เพื่อสร้างความผ่อนคลายด้วยการแวะสปาเท้าที่สวนสาธารณะนะกิซะ ด้วยการแช่เท้าให้สบายก่อนเดินทางกลับเข้าเมืองคาโกชิมะ
วิธีการเดินทางมาภูเขาไฟซากุระจิมะ
หลังจากที่ภูเขาไฟซากุระจิมะหยุดการปะทุรุนแรงและเริ่มปลอดภัยแล้ว หากใครอยากมาเที่ยวที่นี่เพื่อสัมผัสความงามของธรรมชาติที่แปลกตา สามารถขึ้นเรือเฟอร์รี่จากเมืองคาโกชิมะไปเกาะซากุระจิมะได้ หรือจะใช้วิธีขับรถยนต์ผ่านคาบสมุทรโอสึมิไปภูเขาไฟท่าเรือซากุระจิมะได้เช่นกัน
เรือเฟอร์รี่ที่ไปเกาะซากุระจิมะจะเปิดให้บริการทุกวัน และออกจากท่าแผ่นดินใหญ่ทุกๆ 10 หรือ 15 นาที โดยเรือจะใช้เวลาเดินทางไปยังเกาะซากุระจิมะประมาณ 15 นาที จากนั้นก็สามารถขึ้นรถบัสเที่ยวชมเกาะซากุระจิมะได้
...
อ้างอิงข้อมูล: องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO), ALL NIPPON AIRWAYS (ANA)