• เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่ กลับมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวรับฤดูหนาวอีกครั้ง ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
  • ผู้ที่ต้องการเที่ยวกิ่วแม่ปาน จะต้องปฏิบัติตามรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ เว้นระยะห่างระหว่างใช้เส้นทาง จำกัดการเดินวันละ 50 กลุ่มเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานได้ปิดการท่องเที่ยวและพักค้างแรม เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในช่วงฤดูฝน และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศเปิดกิ่วแม่ปานให้นักท่องเที่ยวได้มาเยือนอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป พร้อมปรับรูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่ ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างใช้เส้นทาง

ไทยรัฐออนไลน์ จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จัก "กิ่วแม่ปาน" ให้มากยิ่งขึ้น ทำไมถึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว? ส่วนใครที่อยากแพ็กกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวพิกัดนี้ ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้

รู้จัก "กิ่วแม่ปาน" จุดชมวิวทะเลหมอก เส้นทางเดินป่าธรรมชาติ บนยอดดอยอินทนนท์

"กิ่วแม่ปาน" หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมช่วงฤดูหนาวของไทย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เป็นเส้นทางเดินป่าสำหรับศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ประมาณ 3.2 กิโลเมตร โดยตลอดทางจะมีบันไดสลับกับทางเดิน พร้อมมีจุดให้แวะพักตลอดเส้นทาง ทำให้กิ่วแม่ปานกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายชิลล์ ที่อยากเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ชมทัศนียภาพของภูเขาสูงสลับซับซ้อน และสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดท่ามกลางสายหมอกเย็นๆ

...

คำว่า "กิ่ว" ในภาษาเหนือ หมายถึง เส้นทางเล็กๆ ที่มีขนาดแคบ ส่วนคำว่า "แม่ปาน" หมายถึง ลำห้วยแม่ปาน (ชื่อสถานที่) การจะเดินสำรวจกิ่วแม่ปานนั้น จะต้องเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆ บริเวณริมเขา ผ่านจุดชมวิวและจุดศึกษาธรรมชาติทั้ง 21 จุด ตลอดเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ มีเฟิร์นและมอสปกคลุมไปทั่วตลอดทาง โดยลักษณะทางธรรมชาติระหว่างเส้นทางเดินป่า จะเห็นได้ชัด 2 แบบ ได้แก่ 

  • ป่าดิบเขา : ต้นไม้สูงใหญ่เขียวขจี บรรยากาศร่มรื่น มีแสงแดดส่องเข้ามาเพียงรำไร
  • ทุ่งหญ้าบนสันเขา : พุ่มไม้ขนาดเล็ก ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง สัมผัสแสงแดด สายลมได้เต็มที่

เที่ยวกิ่วแม่ปาน อุณหภูมิกี่องศา และใช้เวลาเดินประมาณเท่าไร?

ในช่วงฤดูหนาวจุดชมวิวสูงสุดบนกิ่วแม่ปาน จะมีอุณหภูมิไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส และมีบันทึกว่า เคยลดลงไปต่ำสุดแตะจุดเย็นยะเยือกที่ 0 องศาเซลเซียส ดังนั้น ใครที่เตรียมตัวไปเที่ยวกิ่วแม่ปานช่วงหน้าหนาว ควรเช็กสภาพอากาศและอุณหภูมิไปก่อนล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมตัวให้พร้อม 

ส่วนการศึกษาเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มักจะใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับร่างกายของนักท่องเที่ยว และการแวะพักระหว่างทางเพื่อชมวิวจุดต่างๆ นานแค่ไหน โดยระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 3.2 กิโลเมตร จะเป็นลักษณะเส้นทางลาดชันที่จะวกกลับมายังจุดเริ่มต้นได้ เดินได้ภายในวันเดียว ไม่ต้องพักค้างคืน ซึ่งสามารถแบ่งเส้นทางเดินป่า ออกเป็น 4 ระยะด้วยกัน ดังนี้ 

  • ระยะที่ 1 ป่าดิบชื้น : เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดสูงใหญ่ และปกคลุมไปด้วยมอสและเฟิร์นตลอดสองข้างทาง เส้นทางเดินไม่ลาดชัดมาก มีบันไดไม้สลับกับทางเดินเป็นระยะ
  • ระยะที่ 2 ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ : เมื่อเดินทะลุป่าในระยะแรกมาแล้ว จะพบกับทุ่งหญ้าและสายลมบนลานกว้าง ทางเดินไม่ลาดชัน เดินง่าย สัมผัสความงดงามของหญ้าที่พลิ้วไปตามสายลม
  • ระยะที่ 3 กุหลาบพันปีแดง : หลังจากผ่านจุดชมวิวมาแล้ว จะเป็นการเดินลัดเลาะริมหน้าผา โดยมีรั้วกั้นตลอดเส้นทาง โซนของกุหลาบพันปีแดงถือเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด 
  • ระยะที่ 4 ลำห้วยแม่ปาน : ระยะการเดินช่วงสุดท้าย จะเป็นทางลาดลงเขาสู่ลำห้วยแม่ปาน ได้ยินเสียงน้ำ เสียงนกร้อง ท่ามกลางป่าไม้ธรรมชาติ
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก "กลางพลัดถิ่น"

...

5 พิกัดท่องเที่ยว ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดชม เมื่อไปเยือนกิ่วแม่ปาน

1. น้ำตกลานเสด็จ
น้ำตกเล็กๆ ที่ชื่อว่า "น้ำตกลานเสด็จ" เป็นจุดแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นระหว่างทางขึ้นกิ่วแม่ปาน ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้เห็นสัมพันธ์เชิงระบบนิเวศของต้นน้ำลำธาร อีกทั้งช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าดิบชื้นเขียวขจี ใกล้ๆ น้ำตกจะมีเฟิร์นและมอสขึ้นปกคลุมโขดหินและต้นไม้ทั่วบริเวณ

2. ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์
จุดถ่ายรูปสวยๆ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินผ่านป่าดิบชื้น ก็จะได้พบกับทุ่งหญ้ากว้างขนาดใหญ่ที่บริเวณสันกิ่วแม่ปาน เต็มไปด้วยพืชไม้ล้มลุก และไม้พุ่มขนาดเล็ก มีอีกชื่อเรียกว่า "ทุ่งหญ้าเมืองหนาว" เพราะในช่วงฤดูหนาวทุ่งหญ้าแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนกว้างสุดสายตา เปิดเป็นพื้นที่โล่งให้ได้สัมผัสไอหนาวและสายหมอก โดยเส้นทางเดินบริเวณทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์จะมีความกว้างประมาณ 1 เมตร เพื่อความปลอดภัย ควรเดินเรียงต่อกันทีละคน

...

3. จุดชมวิวทะเลหมอก
หลังจากเดินผ่านทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ ก็จะเป็นทางไปสู่ระเบียงจุดชมวิวทะเลหมอก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาสลับซับซ้อนท่ามกลางสายหมอกหนาๆ หากใครเดินทางมาถึงจุดนี้ในช่วงเช้าตรู่ ก็จะได้ชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ถือเป็นพิกัดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปมากที่สุด

ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก "กลางพลัดถิ่น"

4. หินคู่รัก 
ระหว่างที่กำลังเดินลัดเลาะริมหน้าผา จะผ่านจุดวิวผาแง่มน้อย มีลักษณะเป็นหินแกรนิตขนาดใหญ่ มีอายุเก่าแก่หลายร้อยล้านปี จำนวน 2 ก้อนวางติดกัน โดยที่ฐานของแท่งหินไม่ได้ฝังติดดิน สังเกตช่องว่างตรงกลางจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ทำให้ถูกเรียกอีกชื่อว่า "หินคู่รัก" ถือเป็นจุดที่คู่รักนิยมมาถ่ายรูปคู่ โดยบรรดาคู่รักจะเชื่อว่าเมื่อมาเยือนกิ่วแม่ปาน จะต้องเดินมาถึงจุดนี้ให้ได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความรักและความเหน็ดเหนื่อยที่ฝ่าฟันด้วยกันมานั่นเอง

...

5. กุหลาบพันปีแดง
กุหลาบพันปีแดง หรือดอกคำแดง มีลักษณะเป็นต้นไม้สูงประมาณ 4-12 เมตร ลักษณะดอกเป็นสีแดงสด เป็นพันธุ์ไม้หายากของประเทศไทย พบได้เฉพาะบนพื้นที่เทือกเขาสูงที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ได้ชื่อว่าเป็น "ราชินีแห่งอินทนนท์" บ้างก็ว่าพันธุ์ไม้ชนิดนี้ จะขึ้นเฉพาะในพื้นที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500 เมตรขึ้นไป ต่อให้นำมาปลูกที่บ้านก็จะล้มตายและไม่เจริญเติบโต สำหรับกุหลาบแดงพันปีแห่งกิ่วแม่ปาน จะผลิดอกบานเต็มที่เพียงปีละครั้งในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม ของทุกปี 

การเตรียมความพร้อม ก่อนไปเที่ยวกิ่วแม่ปาน

การเดินทางมาเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานในฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อม โดยเฉพาะคนที่ต้องการเดินทางในช่วงเช้า ส่วนในช่วงบ่ายอาจมีแสงแดดระหว่างเส้นทาง เตรียมเสื้อแขนยาวและหมวกมาให้พร้อม ที่สำคัญควรพกน้ำดื่มติดตัวมาด้วย

วิธีเดินทางไปกิ่วแม่ปาน
กิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่บริเวณ กม.ที่ 42 ถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ ใกล้กับพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางเชียงใหม่-จอมทอง เลี้ยวขวาที่สามแยกจอมทอง-ดอยอินทนนท์ ขับต่อจนถึงด่านตรวจที่ 2 และขับต่ออีกประมาณ 15 นาที จะถึงลานจอดรถและจุดขึ้นกิ่วแม่ปาน

สิ่งอำนวยความสะดวก
- ค่าบริการไกด์ท้องถิ่น 200 บาท (ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินป่าเอง)
- ลานจอดรถยนต์บริเวณทางขึ้น รองรับได้ 50 คัน 
- ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม (บริเวณทางขึ้น)
- ร้านจำหน่ายของที่ระลึก (บริเวณทางขึ้น)
- ห้องน้ำสะอาด แยกห้องน้ำชาย-ห้องน้ำหญิง
- บนกิ่วแม่ปาน ไม่มีที่พักรองรับ แต่นักท่องเที่ยวสามารถพักจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงได้ เช่น ที่พักแม่กลางหลวง 

ข้อควรรู้ ไปเที่ยวกิ่วแม่ปาน ในรูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่

กิ่วแม่ปาน เปิดเดือนไหน 2564 : ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ในรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ เว้นระยะห่างระหว่างใช้เส้นทาง มีรายละเอียดดังนี้

การลงทะเบียน 
- เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 05.30 น. เป็นต้นไป
- เริ่มเดินรอบแรก 06.10 น. และรอบสุดท้าย 15.50 น.
- กำหนดการเดินวันละ 50 กลุ่ม (กลุ่มละไม่เกิน 10 คน)
- กำหนดช่วงเวลาการเดิน ชั่วโมงละไม่เกิน 5 กลุ่ม
- ต้องมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเดินนำเส้นทาง

หลักฐานที่ใช้ติดต่อเจ้าหน้าที่
- บัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต
- หลักฐานใบรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส
- ผลการตรวจไม่พบเชื้อแบบ Antigen Test (ATK) แสดงผลตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR
- หากนักท่องเที่ยวเคยป่วยด้วยโรคโควิด-19 ระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน นับจากสิ้นสุดการรักษา ให้ยื่นแสดงใบรับรองแพทย์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 053-286-729 และ 092-379-9584

อ้างอิง