ในศึกการต่อสู้ด้านเอไอ ระหว่างกูเกิลและโอเพนเอไอ ในด้านหนึ่งสามารถมองได้ว่าโอเพนเอไอเป็นผู้นำในตลาดนี้ แต่การที่กูเกิลมีช่องทางการนำเสนอในหลากหลายช่องทาง ทำให้มีโอกาสสร้างข้อได้เปรียบในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึง แต่กูเกิลยังเจอความท้าทายในด้านกฎระเบียบซึ่งอาจส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ของกูเกิลในภาพรวม

ข้อมูลล่าสุดในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขที่กูเกิลเปิดเผยในช่วงระหว่างการพิจารณาคดีกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า Gemini มีผู้ใช้งานรายวัน (DAU) ประมาณ 35 ล้านคน ในทางตรงกันข้าม นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส ประเมินว่า ChatGPT มี DAU ราว 160 ล้านคน ซึ่งมากกว่า Gemini ถึงสี่เท่า

ทั้งนี้ คงต้องกล่าวด้วยว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากแซม อัลท์แมน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งโอเพนเอไอ เปิดเผยเมื่อเดือนเมษายนว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ (WAU) ถึง 500 ล้านคน ซึ่งแม้จะเป็นหน่วยวัดที่กว้างกว่า DAU แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงฐานผู้ใช้ที่ใหญ่กว่ามาก

ปัจจัยที่ทำให้ Gemini ยังมีตัวเลขที่น้อยกว่า ChatGPT นั้นเข้าใจได้ นั่นเป็นเพราะ Gemini เปิดตัวทีหลังและช้ากว่า ChatGPT มากพอสมควร โดย Gemini เปิดตัวให้ใช้งานบน iOS ทั่วโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 คิดเป็นเวลาเกือบ 18 เดือนหลังจาก ChatGPT เปิดตัวให้ใช้งานบน iPhone 

นอกจากนี้ กูเกิลเริ่มต้นการพัฒนาแชทบอตด้วยชื่อ “Bard” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น Gemini ในภายหลัง ซึ่งส่วนนี้ได้สร้างความสับสนของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม เมื่อขยายมุมมองออกจากแอปพลิเคชันเดี่ยวๆ และพิจารณาระบบนิเวศทั้งหมดของกูเกิล สถานการณ์จะเปลี่ยนไป

ทั้งนี้ Google Search ยังคงมีฐานขนาดใหญ่กว่า ChatGPT ด้วยผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) มากกว่า 2 พันล้านคน และผู้ใช้งานรายวัน (DAU) ประมาณ 1.5 พันล้านคน แม้ฐานผู้ใช้ ChatGPT จะเติบโตขึ้นจนมี DAU คิดเป็นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของ Google Search ในเดือนมีนาคม 2025 แต่การเข้าถึงที่ฝังแน่นของกูเกิลผ่านระบบ Search และการผนวกรวมเข้ากับระบบปฏิบัติการ Android ยังคงเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเทียบได้ แม้แบรนด์นั้นจะมีความแข็งแกร่งอย่าง ChatGPT ของโอเพนเอไอก็ตาม

...

การเติบโตของ Gemini ในช่วงหลัง ซึ่งมี DAU เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ส่วนใหญ่มาจากการติดตั้งล่วงหน้า หรือ Pre-installation บนอุปกรณ์ของ Android มากกว่าการดาวน์โหลดโดยสมัครใจ ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในอดีตของ Google Search ที่อาศัยการเป็นค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์หลายพันล้านเครื่อง ซึ่งกรณีนี้รวมถึง iPhone ด้วย

ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งาน ChatGPT สะท้อนมาจากความได้เปรียบจากการเป็นผู้มาก่อนและความสามารถของ OpenAI ที่มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

อ่านเพิ่มเติม:

แต่ฟีเจอร์แชทบอตของ Gemini ถือว่ามาช้ากว่า แต่ก็ยังมีโอกาสไล่ตามทัน โดยเฉพาะการผนวกรวมเข้ากับ Google Search ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ใช้มากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือน และราว 1.5 พันล้านคนต่อวันในทันที นอกจากนี้ กูเกิลยังผลักดันให้ Gemini ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ Android หลายพันล้านเครื่องผ่านข้อตกลงกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ เช่น ซัมซุง, ออปโป้ และเสียวหมี่ เป็นต้น 

แน่นอนว่า แซม อัลท์แมน ก็ตระหนักถึงความสำคัญของช่องทางการเข้าถึงผู้ใช้ โดยโอเพนเอไอมีแนวคิดที่จะซื้อ Google Chrome หากกูเกิลถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ บังคับให้กูเกิลขาย Chrome ออกไป 

ในกรณีนี้ หากวัดกันที่การมีส่วนร่วมโดยตรงกับ AI ในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นเพื่อ AI โดยเฉพาะ (AI-native setting) ChatGPT คือผู้นำอย่างชัดเจน แต่หากรวมการเข้าถึงในระดับแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะผ่านระบบปฏิบัติการ Android และ Google Search เข้าไปด้วย กูเกิลจะมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้มานานแล้วในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายที่น่าอึดอัดใจสำหรับกูเกิลคือ การที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบกลยุทธ์การจัดจำหน่ายของบริษัท ซึ่งอาจทำให้ความพยายามในการผนวก Gemini เข้ากับ Google Search และระบบปฏิบัติการ Android อย่างแนบแน่นทำได้ยากขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่มีผู้ชนะเพียงรายเดียว แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างระบบนิเวศกับแอปพลิเคชัน และเมื่อกฎระเบียบส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การควบรวมของกูเกิลและโอเพนเอไอ ขยายการผนวกรวมของตัวเอง ช่องว่างอาจแคบลง แต่ในปัจจุบันนี้ ผลลัพธ์ของการแข่งขันขึ้นอยู่กับว่ากำลังมองจากมุมใด

ที่มา: Business Insider