เตรียมพร้อมรับเทศกาลแห่งความสุขและความเปียกชุ่มฉ่ำ ด้วยเคล็ดลับปกป้องสมาร์ทโฟน พร้อมท่องเน็ตอย่างปลอดภัย และสำรองข้อมูลสำคัญก่อนออกเดินทาง
เทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน การเดินทางกลับบ้าน พบปะเพื่อนฝูง และแน่นอน กิจกรรมไฮไลท์คือการเล่นน้ำสุดมัน
แน่นอนว่าในยุคดิจิทัลที่เราใช้ชีวิตอยู่ สมาร์ทโฟน และบรรดา Gadget ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบันทึกความทรงจำ แชร์ช่วงเวลาดีๆ นำทาง ค้นหาข้อมูล และเชื่อมต่อกับผู้คน ทำให้การเฉลิมฉลองและการเดินทางสะดวกสบายอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของเทศกาลนี้ก็คือ "น้ำ" ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันเป็นที่รักของเรา
เพื่อให้คุณสนุกกับสงกรานต์ได้อย่างเต็มที่และไร้กังวล บทความนี้จึงได้รวบรวมเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่เข้าใจง่าย สำหรับการปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวเมื่อต้องออนไลน์ การสำรองข้อมูลสำคัญ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงเทศกาลนี้
ปกป้อง Gadget จากสงครามสาดน้ำ

...
ความเสียหายจากน้ำเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่งในช่วงสงกรานต์ เพียงแค่น้ำกระเซ็นใส่ ไม่จำเป็นต้องจมลงไปทั้งเครื่อง ก็อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่บอบบางภายในได้ ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงสมาร์ทวอทช์ น้ำสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร การกัดกร่อน และความเสียหายถาวร แม้ว่าสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในปัจจุบันจะโฆษณาคุณสมบัติการกันน้ำ แต่ความสามารถนั้นก็มีขีดจำกัด และที่สำคัญคือความเสียหายจากน้ำมักไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันของผู้ผลิต ดังนั้น การป้องกันไว้ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
การทำความเข้าใจเรื่องมาตรฐานการกันน้ำ หรือ IP Rating (Ingress Protection Rating) จะช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น ค่านี้มักแสดงด้วยตัวอักษร IP ตามด้วยตัวเลขสองหลัก โดยตัวเลขหลักที่สองคือสิ่งที่บ่งบอกระดับการป้องกันของเหลว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงสงกรานต์

ตัวอย่างเช่น มาตรฐาน IPX7 หมายถึงอุปกรณ์สามารถทนต่อการแช่น้ำชั่วคราวที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ส่วน IPX8 หมายถึงทนทานต่อการแช่น้ำอย่างต่อเนื่องภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งอาจลึกหรือนานกว่า IPX7 ขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ เช่น ทนได้ที่ความลึก 1.5 เมตร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำคัญคือ ค่า IP Rating เหล่านี้มาจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการด้วยน้ำจืดและสภาวะควบคุม ซึ่งแตกต่างจากการเล่นน้ำสงกรานต์จริง ที่อาจมีแรงดันน้ำสูงจากปืนฉีดน้ำ โอกาสที่อุปกรณ์จะตกน้ำ หรือการสัมผัสกับน้ำที่มีคลอรีนหรือสิ่งสกปรก ปัจจัยเหล่านี้อาจเกินความสามารถในการป้องกันของมาตรฐาน IP ที่ระบุไว้ นอกจากนี้ ความสามารถในการกันน้ำของอุปกรณ์อาจเสื่อมลงตามอายุการใช้งานและสภาพของซีลกันน้ำ ด้วยเหตุนี้ แม้อุปกรณ์ของคุณจะมีค่า IP สูง การใช้การป้องกันเพิ่มเติมก็ยังคงเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง

...
สำหรับตัวช่วยในการป้องกันน้ำ มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบ DIY ที่หาได้ง่าย ซองกันน้ำ เป็นทางเลือกยอดนิยม มีลักษณะเป็นถุงพลาสติกหรือวัสดุคล้ายกันพร้อมระบบล็อกปิดผนึกแน่นหนา มักมีสายคล้องคอ หาซื้อได้ง่ายโดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ และมีราคาไม่แพง ข้อดีคือส่วนใหญ่ยังสามารถสัมผัสหน้าจอและถ่ายรูปผ่านซองได้ บางรุ่นออกแบบมาให้ลอยน้ำได้ หรือเรืองแสงในที่มืด แต่ข้อเสียคืออาจเกิดการรั่วซึมหากปิดไม่สนิท หรือเลือกใช้รุ่นที่คุณภาพต่ำเกินไป และการตอบสนองของหน้าจอสัมผัสอาจลดลง รวมถึงอาจเกิดไอน้ำหรือฝ้าภายในได้ การเลือกซื้อจึงควรพิจารณาคุณภาพของตัวล็อก เลือกรุ่นที่มีหลายชั้นเพื่อความมั่นใจ มองหายี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และทดสอบการกันน้ำเบื้องต้นก่อนใช้งานจริง เช่น ลองใส่กระดาษทิชชูลงไปแล้วแช่น้ำดูก่อน
อีกทางเลือกคือ เคสกันน้ำ ซึ่งเป็นเคสแบบแข็งหรือกึ่งแข็งที่ออกแบบมาสำหรับโทรศัพท์รุ่นนั้นๆ โดยเฉพาะ ให้การปกป้องที่แข็งแรงกว่าซองกันน้ำ ทั้งในแง่การกันน้ำที่มักมีมาตรฐานสูงกว่าและทนน้ำลึกได้ดีกว่า รวมถึงการป้องกันการกระแทก แต่ก็มีราคาสูงกว่า และอาจทำให้ตัวเครื่องดูใหญ่เทอะทะขึ้น ต้องเลือกรุ่นให้ตรงกับโทรศัพท์ที่ใช้

...
หากหาซื้ออุปกรณ์กันน้ำไม่ทัน หรือต้องการทางเลือกที่ประหยัด ก็สามารถใช้วัสดุในบ้านมาประยุกต์ใช้ได้ เช่น การนำถุงพลาสติกใส่อาหาร มาใส่โทรศัพท์แล้วมัดปากถุงให้แน่นด้วยหนังยาง อาจซ้อน 2-3 ชั้นเพื่อความปลอดภัย แม้จะไม่สวยงามและซีลไม่แน่นอนนัก หรืออาจใช้ถุงซิปล็อก ที่ปิดผนึกได้ดีกว่าถุงพลาสติกธรรมดา แต่ก็ต้องระวังซิปเปิดออกได้ง่าย นอกจากนี้ ถุงยางอนามัย ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความยืดหยุ่น เหนียว ทนทาน และกันน้ำได้ดี เพียงแค่ล้างสารหล่อลื่นออกก่อน แต่ต้องระวังมุมโทรศัพท์ที่แหลมคมอาจทำให้ขาดได้ หรือสุดท้ายคือการใช้ฟิล์มถนอมอาหาร พันรอบโทรศัพท์หลายๆ ชั้น ซึ่งราคาถูกมาก แต่ก็บาง ฉีกขาดง่าย และทำให้ใช้งานโทรศัพท์แทบไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง อาจพิจารณาทิ้งสมาร์ทโฟนเครื่องหลักไว้ที่บ้าน แล้วนำโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ไม่ค่อยมีค่ามาใช้ลุยน้ำแทน
กู้ชีพ Gadget ฉบับเร่งด่วน
แม้จะป้องกันดีแค่ไหน อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ หากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณพลาดท่าเปียกน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดคือการตอบสนองอย่างรวดเร็วและถูกวิธี เพื่อลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุด
ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ต้องทำทันทีคือ นำอุปกรณ์ออกจากน้ำโดยเร็วที่สุด ยิ่งแช่น้ำนานเท่าไร โอกาสที่น้ำจะซึมเข้าภายในและสร้างความเสียหายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

...
จากนั้นให้รีบปิดเครื่องทันที ไม่ว่าเครื่องจะยังทำงานอยู่หรือไม่ก็ตาม และห้ามพยายามเปิดเครื่องเด็ดขาดหากเครื่องดับไปแล้ว เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ใช้ผ้าแห้งนุ่มๆ หรือกระดาษทิชชู ซับน้ำออกจากภายนอกตัวเครื่องให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ ให้ถอดชิ้นส่วนต่างๆ ออก เช่น เคส ถาดซิมการ์ด เมมโมรี่การ์ด และแบตเตอรี่ (หากเป็นรุ่นที่ถอดได้) เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทและลดความชื้นที่อาจติดค้าง
จากนั้น ค่อยๆ เคาะตัวเครื่องกับฝ่ามือ โดยให้ช่องเสียบต่างๆ เช่น ช่องชาร์จ ช่องหูฟัง คว่ำลง เพื่อให้น้ำที่ค้างอยู่ไหลออกมา บางครั้งอาจจำเป็นต้องล้างคราบสกปรกออก
มีข้อห้ามสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจเพื่อไม่ให้อาการแย่ลง ห้ามใช้ความร้อนในการทำให้แห้งเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม โดยเฉพาะลมร้อน เตาอบ ไมโครเวฟ หรือการตากแดดโดยตรง เพราะความร้อนสูงจะทำลายชิ้นส่วนภายในได้
พร้อมกันนี้ ห้ามเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่เด็ดขาดจนกว่าจะมั่นใจว่าอุปกรณ์แห้งสนิทแล้ว เพราะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และห้ามเขย่าเครื่องแรงๆ หรือเป่าลมเข้าไปในช่องต่างๆ เพราะอาจดันน้ำให้เข้าไปลึกยิ่งขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการกดปุ่มโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลและเกิดความเสียหายได้

หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำให้แห้ง ซึ่งต้องอาศัยความอดทน วิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุดคือ การผึ่งลม โดยวางอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ถอดออกมาในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งเป็นวิธีที่แอปเปิลแนะนำเป็นพิเศษ อีกทางเลือกคือการใช้สารดูดความชื้น (Silica Gel) หากมีซองซิลิก้าเจล ที่มักมากับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หรือขนม ให้นำอุปกรณ์ใส่ในภาชนะปิดสนิทหรือถุงซิปล็อกพร้อมกับซองซิลิก้าเจลหลายๆ ซอง ทิ้งไว้อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น สารเหล่านี้จะช่วยดูดความชื้นออกมา
ส่วนความเชื่อเรื่องการแช่ในถังข้าวสาร แม้จะยังได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันผู้ผลิตอย่างแอปเปิลไม่แนะนำวิธีนี้ เนื่องจากฝุ่นผง แป้ง หรือเม็ดข้าวสารขนาดเล็กอาจเข้าไปอุดตันในช่องต่างๆ และก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้นได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการผึ่งลมและใช้ซิลิก้าเจลเป็นอันดับแรก
หัวใจสำคัญของขั้นตอนนี้คือ “การรอ” ต้องอดทนรอให้อุปกรณ์แห้งสนิทจริงๆ ซึ่งอาจใช้เวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หรือนานถึง 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่เข้าไป
หลังจากทิ้งไว้ให้แห้งเป็นเวลาเพียงพอแล้ว ลองประกอบชิ้นส่วนกลับ (หากถอดไว้) แล้วเปิดเครื่องดู ตรวจสอบการทำงานต่างๆ เช่น หน้าจอ การสัมผัส เสียง กล้อง และการชาร์จ หากเครื่องเปิดไม่ติด หรือทำงานผิดปกติ อย่าพยายามเปิดซ้ำๆ ให้นำเครื่องไปให้ร้านซ่อมที่น่าเชื่อถือตรวจสอบและทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด แม้ว่าเครื่องจะกลับมาใช้งานได้ปกติ การนำไปให้ช่างตรวจสอบก็ยังเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เพราะอาจมีความเสียหายภายในที่มองไม่เห็นซึ่งจะแสดงอาการในภายหลังได้
เลี่ยงการใช้งาน Wi-Fi ฟรี

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลายคนต้องเดินทาง การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านไวไฟฟรีตามสนามบิน ร้านกาแฟ โรงแรม หรือห้างสรรพสินค้าจึงเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าดึงดูด แต่ความสะดวกสบายนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เนื่องจากเครือข่ายสาธารณะมีความปลอดภัยน้อยกว่าเครือข่ายส่วนตัวที่บ้าน ข้อมูลที่ส่งผ่านอาจถูกดักจับ หรือมีผู้ไม่หวังดีแฝงตัวอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
ภัยคุกคามที่พบบ่อยเมื่อใช้ Wi-Fi สาธารณะมีหลายรูปแบบ ที่พบบ่อยคือ Hotspot ปลอม ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ ควรปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้
เริ่มจากการตรวจสอบชื่อเครือข่ายให้แน่ใจเสมอ โดยสอบถามชื่อ Wi-Fi ที่ถูกต้องจากพนักงาน หรือดูจากป้ายประกาศอย่างเป็นทางการก่อนเชื่อมต่อ ระวังชื่อที่ดูทั่วไป หรือมีการสะกดผิดเล็กน้อย เครือข่ายที่ไม่ต้องใช้รหัสผ่านมักมีความเสี่ยงสูง แต่ถึงมีรหัสผ่านก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป
เมื่อท่องเว็บ ให้มองหาสัญลักษณ์ HTTPS ซึ่งบ่งชี้ว่าข้อมูลมีการเข้ารหัส แต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะปัจจุบันแม้แต่เว็บไซต์อันตรายก็สามารถใช้ HTTPS ได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมสำคัญ ห้ามล็อกอินเข้าแอปธนาคาร ซื้อของออนไลน์ หรือกรอกข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนขณะใช้ Wi-Fi สาธารณะเด็ดขาด ควรรอทำธุรกรรมเหล่านี้เมื่อใช้เครือข่ายที่น่าเชื่อถือ เช่น เครือข่ายที่บ้าน หรือข้อมูลมือถือ
ในการตั้งค่าอุปกรณ์ ควรปิดฟังก์ชันการเชื่อมต่อ Wi-Fi อัตโนมัติ และเลือกเชื่อมต่อด้วยตนเองทุกครั้ง เมื่อใช้งานเสร็จ ควรตั้งค่าให้อุปกรณ์ "ลืม" เครือข่ายนั้น เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อกลับเข้าไปใหม่โดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งนั่นคือ การมี VPN หรือ Virtual Private Network เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างการใช้ไวไฟสาธารณะ
สำรองข้อมูลก่อนไปเล่นน้ำ
นอกจากการปกป้องตัวเครื่องและความปลอดภัยออนไลน์แล้ว การปกป้องข้อมูลก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะสูญหาย ถูกขโมย หรือเสียหายจากน้ำสูงกว่าปกติ การสูญเสียข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพความทรงจำ รายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความแชท หรือเอกสารต่างๆ ดังนั้น การสำรองข้อมูล (Backup) ไว้ล่วงหน้าจึงเป็นการสร้างความอุ่นใจและช่วยลดความเสียหายหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

วิธีการแบ็กอัปนั้น มีทั้งการใช้รูปแบบของ Cloud Storage หรือถ้ามี Local Storage จำพวก External Hard Drive ก็สามารถใช้สำรองได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ เพื่อให้เล่นสงกรานต์ได้สนุกมากขึ้น คงเป็นการดีถ้าเราจะรับมือและป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทจากน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุฉุกเฉิน เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถสาดความสุข บันทึกทุกความทรงจำ และเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้อย่างสบายใจตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้