ในขณะที่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ AI อย่าง OpenAI, Meta และ Google ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากจีน กลับสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการเทคโนโลยี ด้วยการเปิดตัวโมเดล AI “DeepSeek-R1” ซึ่งสามารถขึ้นสู่อันดับ 1 บน Apple App Store ภายในเวลาไม่กี่วัน และเบียด ChatGPT ของ OpenAI ลงไปอยู่อันดับ 2
DeepSeek ถูกพัฒนาด้วยงบประมาณเพียง 6 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ชิป Nvidia H800 ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิปเรือธงอย่าง H100 ที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้สำหรับพัฒนาโมเดลเอไอ แม้จะมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร แต่ DeepSeek-R1 กลับสร้างความประทับใจด้วยความสามารถที่เทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลของคู่แข่งบางราย
ข้อมูลจากงานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมระบุว่า โมเดลของ DeepSeek สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในต้นทุนที่ต่ำกว่าโมเดลของโอเพนเอไอ ถึง 20-40 เท่า อีกทั้งยังเปิดให้ใช้งานในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งต่างจากแนวทางแบบปิดของโอเพนเอไอที่เก็บค่าบริการในราคาสูง
DeepSeek ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดยเหลียง เหวินเฟิง ในเมืองหางโจว ประเทศจีน บริษัทนี้เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่กลับสามารถไล่ตามยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของ DeepSeek-R1 สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตลาดเอไอที่ต้นทุนการพัฒนาเริ่มลดลง และโมเดลเอไอชั้นนำที่เคยเป็นสิ่งพิเศษ กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ DeepSeek-R1 ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การจัดอันดับบนแอปสโตร์ (App Store) แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงิน หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเอไอ เช่น Nvidia, Meta และ ASML ต่างปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดเริ่มตั้งคำถามถึงการลงทุนมหาศาลในโมเดล AI แบบดั้งเดิม
...
การปรากฏตัวของ DeepSeek-R1 ไม่เพียงแต่ท้าทายความเป็นผู้นำของบริษัทอเมริกันในอุตสาหกรรมเอไอ แต่ยังแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จในยุค เอไออาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรัพยากรมหาศาลอีกต่อไป หากแต่ขึ้นอยู่กับการคิดค้นนวัตกรรมและการปรับตัว
DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความได้เปรียบในอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่บริษัทใหญ่เท่านั้น และยังได้เปิดประตูให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่สนามแข่งขันระดับโลกอย่างแท้จริง