ยุคนี้ต้องยอมรับว่า Apple Watch เป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นจนยากที่จะมีใครตามได้ทัน กับคุณสมบัติการติดตามการออกกำลังกาย การวัดชีพจร การตรวจจับการล้ม การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และอีกสารพัดที่ช่วยผู้ใช้ติดตามการดูแลสุขภาพของตนเองได้ง่ายขึ้น
ด้วยระบบอีโคซิสเต็มของแอปเปิลสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง AirPods, iPhone และอุปกรณ์ Mac เป็นต้น ยังเป็นอีกปัจจัยสู่ความสำเร็จ
ตลอดที่ผ่านมาทางแอปเปิลได้พัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การออกแบบดีไซน์ที่ทันสมัย ดูสวยงาม ยิ่งทำให้นาฬิกามีความโดดเด่นและเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกมากขึ้น
Apple Watch Series 10 เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่แอปเปิลวางจำหน่ายในตลาดไทย และครบรอบ 10 ปี หลังวางตลาดตั้งแต่รุ่นแรก กับจุดเด่นสำคัญการออกแบบใหม่ด้วยจอภาพขนาดใหญ่ที่สุด บางยิ่งขึ้น หน้าจอเป็น OLED ชาร์จแบตเร็วยิ่งขึ้นเพียง 30 นาที ชาร์จได้ถึง 80% ชิป S10 ใหม่ และตัวเรือนมีลำโพงในตัวที่เล่นเสียงได้ แบตเตอรี่ใช้ได้สูงสุด 18 ชั่วโมง
...
มีให้เลือกแบบอะลูมิเนียม และไทเทเนียม ขนาดตัวเรือน 42 มม. และ 46 มม. โดยรุ่นอะลูมิเนียม มีสีดำเจ็ทแบล็กใหม่, สีโรสโกลด์ใหม่ และสีเงิน ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท ส่วนไทเทเนียมใหม่ที่มาในสีธรรมชาติ, สีทองและสีเทาสเลท ราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท
โดยสีเจ็ทแบล็ก เป็นสีที่แอปเปิลหยิบยกมาเป็นจุดเด่นในผิวสัมผัสอะลูมิเนียมแบบขัดเงาใหม่ ที่ทั้งเพรียวบางและแวววาวสะดุดตา ที่หลายๆ คนมองเห็นแล้วนึกถึง iPhone 7
เปรียบเทียบรุ่นก่อนหน้า
ทางทีมงานได้รับ Apple Watch Series 10 สีเจ็ทแบล็ก ขนาด 46 มม. อะลูมิเนียม รุ่น GPS+Cellular มาทำการรีวิว มาพร้อมกับสายใหม่ Link Bracelet สีเทาสเลทที่ใช้กับนาฬิกาขนาดตัวเรือน 46 มม. และยังมีความพิเศษสามารถใช้ได้กับตัวเรือน 44 มม.ในรุ่นอื่นๆด้วย
รุ่น Series 10 มีจอภาพใหญ่ขึ้นทำให้พื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นสูงสุด 9% เปรียบเทียบกับหน้าจอ Series 9 ซึ่งทำให้การอ่านและการใช้แอปมองเห็นข้อความในบรรทัดอื่นเพิ่มขึ้นหรือขยายขนาดฟอนต์ได้ โดยไม่กระทบคอนเทนต์หน้าจอ ช่วยการพิมพ์บนหน้าจอ การใส่พาสเวิร์ด การกดกิจกรรมหน้าจอง่ายยิ่งขึ้น
นับเป็นรุ่นแรกที่ใช้จอภาพ OLED ซึ่งให้ความสว่างกว่า Series 9 สูงสุด 40% เมื่อมองจากด้านข้าง และอ่านได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เหลือบมอง ให้มุมมองที่กว้างกว่าเดิม จอรีเฟรชเรตที่ 1 Hz หน้าจอแบบติดตลอดเป็นทุก 1 วินาที ซึ่งทำให้เข็มวินาทีแสดงเวลาบนหน้าจอตลอดเวลาได้
ในรุ่นอะลูมิเนียมตัวเรือนจะมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้า 10% ตัวเรือนมีมุมมนที่โค้งมนยิ่งขึ้นและอัตราส่วนภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้จอภาพมีพื้นที่มากขึ้น โดยที่ตัวเรือนมีขนาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชิปใหม่ S10 นับเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Series 10 เป็นอุปกรณ์ที่ชาญฉลาด มีการปรับปรุงประสิทธิภาพมากขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า พัฒนาสำหรับการออกแบบที่บางลงแต่การประมวลผลเร็วขึ้น คำสั่งนิ้วแตะสองครั้งหรือดับเบิล แท็บ การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพผ่าน Siri ได้รวดเร็วกว่า รองรับแอปแปลภาษา
...
Series 10 มาพร้อมกับลำโพงในตัวที่สามารถเล่นเสียงได้แล้ว สามารถฟังเพลงจากแอป เช่น Apple Music ได้โดยไม่ง้อหูฟัง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับหลายๆคนที่ลืมหูฟังในระหว่างการออกกำลังกาย เช่น การวิ่งเปิดเพลงฟังไป
อีกทั้งความสามารถในการแยกเสียงด้วยการใช้โครงข่ายประสาทสำหรับแยกเสียงใหม่ที่ทำงานบนชิปใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างในระหว่างการโทรหรือ FaceTime
เมื่อใช้งานบน watchOS11 ระบบปฏิบัติการใหม่ให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่ๆ และความชาญฉลาด แอปสัญญาณชีพใหม่ หรือ Vitals ให้ข้อมูลด้านสุขภาพในตอนกลางคืน เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, อัตราการหายใจ และอุณหภูมิข้อมือ หากค่าวัดเหล่านี้อยู่ในระดับที่ไม่ปกติ แอปจะแจ้งเตือน
บทสรุป
สำหรับผู้ใช้ที่คุ้นกับ Apple Watch Ultra 2 เมื่อมาทดลองสวมใส่รุ่นนี้รู้สึกได้ทันทีว่าเบาและบางมาก รู้สึกได้ว่าตัวเรือนใน Series 10 ขนาด 46 มม. เทียบกับ Series 9 ขนาด 45 มม.ดูแทบไม่แตกต่างกัน
ด้วยจุดเด่นหน้าจอใหญ่ขึ้น สวมใส่สบาย แต่มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น หน้าปัดแบบใหม่ ดูสวยงามมากขึ้น จุดเด่นการเป็นคู่หูด้านสุขภาพและความชาญฉลาดถูกยกขึ้นไปอีกระดับ ยากที่คู่แข่งจะตามทัน หากแบตเตอรี่เพิ่มความจุใช้ได้ยาวนานกว่านี้จะยิ่งทำให้ Apple Watch Series 10 สมบูรณ์ครบแบบไร้ที่ติทีเดียว.
...
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม