iOS คือ ระบบปฏิบัติการของ Apple สำหรับใช้บนอุปกรณ์ในเครือของ Apple เอง เช่น iPhone หรือ iPad โดยล่าสุดได้มีการปล่อย iOS 16 ตัวเต็มมาให้แฟนๆ ได้ดาวน์โหลดและติดตั้งกัน ซึ่ง iOS 16 มีอะไรใหม่ รุ่นไหนที่ได้ไปต่อ และมีวิธีการอัปเดตอย่างไร ทางไทยรัฐออนไลน์รวบรวมข้อมูลมาฝาก

iOS 16 มีอะไรใหม่

  • หน้าจอล็อกสกรีน (Lock Screen) แบบใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

สำหรับใครที่เบื่อหน้าจอโทรศัพท์แบบเดิมๆ ทาง Apple คิดมาให้แล้วกับฟีเจอร์การปรับแต่งรูปภาพได้ตามใจชอบ จะเลือกใช้ภาพพื้นหลังในโหมดสภาพอากาศ อีโมจิ ดาราศาสตร์ สีพื้น หรือจะเลือกรูปภาพจากในแกลอรีก็ได้เช่นกัน

สำหรับในโหมดสภาพอากาศจะมีการเปลี่ยนภาพพื้นหลังไปตามสภาพอากาศจริง และในโหมดดาราศาสตร์จะสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังเป็นลูกโลกได้ โดยหน้าจอจะแสดงโซนตำแหน่งปัจจุบันของเรา นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งฟอนต์และสีบนหน้าจอได้อย่างอิสระ

หากใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงบนสตรีมมิงต่างๆ ทาง iOS 16 ก็ได้ปรับรูปแบบ โดยสีของหน้าจอล็อกสกรีนจะปรับเปลี่ยนไปตามสีปกของเพลง เรียกได้ว่าเพิ่มอารมณ์ในการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี

...

  • ระบบวิดเจ็ตที่ครบครัน (Widgets on the Lock Screen)

สำหรับ iOS 16 ถือว่าทำระบบวิตเจ็ตได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากเหล่าผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งได้ตามความชอบและความเหมาะสมของการใช้งาน เพียงแค่กดเลือกแอปพลิเคชันที่ใช้บ่อยหรือต้องการเพิ่มไว้ที่หน้าล็อกสกรีน ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายแล้ว

  • การแจ้งเตือนแบบซ้อน (Notifications)

จากเดิม รูปแบบการแจ้งเตือนจะเป็นแบบลิสต์รายการ ซึ่งหลังจาก iOS 16 อัปเดตใหม่จะมีรูปแบบวิดเจ็ตซ้อน อยู่บริเวณด้านล่างของหน้าจอ แต่ทั้งนี้ก็สามารถกดปรับให้เป็นแบบเดิมได้เพียงแค่กดตั้งค่า เลือกการแจ้งเตือน และเลือกการแจ้งเตือนแบบลิสต์

  • แสดงผลเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ (Battery Percentage Display)

สำหรับฟีเจอร์นี้จะสามารถเกิดแสดงผลเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่บนก้อนแบตเตอรี่ทางด้านมุมบนขวามือของหน้าจอ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับผู้ใช้ iPhone XR, iPhone 11, iPhone 12 mini และ iPhone 13 mini ที่จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวได้ โดยทาง Apple ได้เหตุผลว่ารุ่นดังกล่าวมีความละเอียดหน้าจอที่ต่ำ

ถึงอย่างไรก็ดี รุ่นต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถเพิ่ม “แบตเตอรี่” บนวิดเจ็ตและสามารถดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ได้จากหน้าจอล็อกสกรีนได้

  • รูปภาพและแกลอรีที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ (Photo Library) 

หลังจากการอัปเดต iOS 16 อีกหนึ่งสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่หรือคนวัยทำงานคือ การที่สามารถไดคัตรูปได้ง่ายๆ จากในแกลอรี เพียงแค่กดค้างที่รูปภาพ จากนั้นก็สามารถนำไปกดวางที่โน้ต สตอรี่อินสตาแกรม ได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันก็สามารถกดแปลภาษา แปลงค่าเงิน และเข้าเว็บไซต์ต่างๆ จากในแกลอรีได้ทันที

  • การแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อ (Exposure Notifications)

เรียกได้ว่า iOS 16 ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าในการอัปเดตครั้งก่อนๆ ประเทศไทยจะยังไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ แต่ล่าสุดสามารถเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวได้แล้ว เพียงแค่คลิกการตั้งค่า จากนั้นเลื่อนมาเลือกการแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อ และเปิดใช้งานก็จะสามารถตรวจสอบการติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายๆ

  • ปรับโหมดโฟกัสง่ายๆ (Focus Mode)

อีกหนึ่งของใหม่ใน iOS 16 ที่ให้เราได้ลองใช้กันคือการกดเลือกโหมดโฟกัส โดยสามารถกดเลือกจากหน้าปรับแต่งจอล็อกสกรีน เพื่อใช้กับหน้าจอนั้นๆ ได้ทันที

  • การสแกนหน้าแบบแนวนอน (Face ID In Landscape Mode)

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากล่าสุดทาง iOS 16 ได้ปรับให้สามารถสแกนหน้า Face ID แบบแนวนอน เพิ่มความรวดเร็วในการปลดล็อก อย่างไรก็ดี ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้กับ iPhone 12 ขึ้นไป

  • การแจ้งเตือน AirPods ปลอม (Counterfeit AirPods Alert)

...

หากใครที่ใช้ AirPods ปลอมหรือจะต้องเชื่อมต่อ AirPods ที่เป็นของปลอมก็อาจจะต้องระวังกันสักนิด เนื่องจากทาง iOS 16 ได้อัปเดตระบบการแจ้งเตือน AirPods ปลอมเข้ามา ทั้งนี้เป็นเพราะ AirPods ปลอมผลิตออกมาเยอะมากขึ้น

  • กดแก้ไขในข้อความ (iMessage)

หลังจากกดส่งข้อความไปแล้วหรือยกเลิกการส่งข้อความ หากต้องการจะแก้ไขก็สามารถทำได้ง่ายๆ และสามารถกดเครื่องหมายว่ายังไม่ได้อ่านข้อความ สำหรับชั่วโมงเร่งด่วน ติดงาน หรือติดประชุมได้เช่นกัน

iOS 16 รุ่นที่รองรับมีอะไรบ้าง?

นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในการอัปเดตระบบปฏิบัติการแต่ละครั้ง โทรศัพท์บางรุ่นก็อาจจะไม่รองรับระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งสำหรับ iOS 16 รุ่นที่รองรับและได้ไปต่อ มีดังนี้

  • iPhone 14
  • iPhone 14 Plus
  • iPhone 14 Pro
  • iPhone 14 Pro Max
  • iPhone 13
  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max
  • iPhone 12
  • iPhone 12 mini
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone X
  • iPhone 8
  • iPhone 8 Plus
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2-3)

...

นอกจาก iPhone รุ่นต่างๆ แล้ว ระบบปฏิบัตการ iOS 16 iPad รุ่นดังต่อไปนี้ก็สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้

  • iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (ทุกรุ่น)
  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (ทุกรุ่น)
  • iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว
  • iPad Air (รุ่นที่ 3-5)
  • iPad (รุ่นที่ 5-9)
  • iPad mini (รุ่นที่ 5-6)

วิธีอัปเดต iOS 16 ง่ายๆ ภายในไม่กี่ขั้นตอน

หากอยากรู้ว่า iOS 16 มีอะไรใหม่ หรืออยากลองสัมผัสลูกเล่นใหม่ๆ สามารถโหลดได้ตามวิธีดังนี้

1. เตรียมอินเทอร์เน็ต แบตเตอรี่ และพื้นที่ในเครื่องให้พร้อม
2. สำรองข้อมูลในเบื้องต้น
3. เลือก “ตั้งค่า” จากนั้นเลือก “รายการอัปเดตซอฟต์แวร์” คลิกเลือก “ดาวน์โหลดและติดตั้ง”

...

จากข้อมูลในข้างต้นจะเห็นได้แล้วว่า iOS 16 มีอะไรใหม่ แน่นอนว่าฟีเจอร์ใน iOS 16 เหล่านี้ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับรุ่นไหนที่ไม่สามารถรองรับ iOS 16 ได้ ทาง Apple เองก็มี iOS 15.7 ปล่อยให้ดาวน์โหลดและติดตั้งมาใช้ได้เช่นกัน

ที่มา : Apple