ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีและกราฟิกในอุตสาหกรรม "วิดีโอเกม" ก้าวล้ำไปมาก จนทำให้เกมเริ่มผันตัวเองเป็นสื่อบันเทิงสำหรับแฟนทุกเพศทุกวัยมากขึ้น รูปแบบการนำเสนอของเกมก็เริ่มละม้ายคล้ายคลึงกับสื่อภาพยนตร์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่วิธีการเล่าเรื่อง การจัดองค์ประกอบในภาพ และการใช้คนแสดงจริงมาสวมบทเป็นตัวละครในเกม ทำให้เกมเมอร์หลายคนเรียกเกมบางเกมในยุคนี้ว่าเป็น "หนังเล่นได้" ไปแล้ว เรื่องนี้น่าจะเป็นความตั้งใจของทีมพัฒนาเกมเองที่ขอหยิบยืมองค์ประกอบของสื่อภาพยนตร์มาใช้ เนื่องจากมันเป็นสื่อที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม ความนิยมในสื่อวิดีโอเกมและวัฒนธรรม Pop Culture ที่ฮอตฮิตขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้เกิดเทรนด์ที่น่าประหลาดใจในอุตสาหกรรมบันเทิงช่วงนี้ นั่นก็คือการที่วงการภาพยนตร์และทีวีซีรีส์หันมาหยิบรายชื่อเกมดังเอามาทำเป็นเวอร์ชันคนแสดง กลายเป็นว่าสื่อที่เคยยืมไอเดียมาจากหนัง กลับโดนหนังเอาไปเป็นต้นแบบเพื่อขายบนจอเงินและจอแก้วซะงั้น ซึ่งเห็นได้ชัดมากจากรายชื่อหนังและซีรีส์เกมที่จะแห่กันมาออกในปี 2022 นี่แหละ
สารพัดหนังจากเกมที่แห่กันออกมาจนเกมเมอร์ดูไม่ทัน
ปีนี้เป็นปีที่วงการภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเกมดูคึกคักเป็นพิเศษ เพราะปีนี้มีหนังที่สร้างจากเกมดังเข้าฉายหลายเรื่องด้วยกัน
Resident Evil: Welcome to Raccoon City
...
หนังรีเมคจากซีรีส์เกมสยองขวัญชื่อดังอย่าง Resident Evil มาในชื่อภาคว่า Resident Evil: Welcome to Raccoon City ถึงแม้ว่าตัวหนังจะค่อนข้างโดนสับเละจากทั้งนักวิจารณ์และแฟนเกม แต่อย่างน้อยมันก็ถ่ายทอดเรื่องราวในเมืองแรคคูนออกมาเหมือนกับเวอร์ชันเกมมากกว่าทุกภาคก่อนหน้า
Uncharted
เป็นหนังที่ต่อยอดมาจากเกมชื่อดังและเพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์ไปไม่นาน ซึ่งได้น้องแมงมุม Tom Holland มารับบทเป็นพระเอก หนังแนวแอ็กชันผจญภัยสไตล์อินเดียน่าโจนส์ ที่ถอดมาจากเกมแนวแอ็กชันผจญภัยซึ่งยืมไอเดียจากหนังอินเดียน่าโจนส์มาอีกทีหนึ่ง ตัวหนังแม้จะไม่ได้ดีเลิศแต่ก็เรียกได้เต็มปากว่าเป็นหนังจากเกมระดับบล็อกบัสเตอร์เต็มตัว เพราะทุนสร้างที่สูงถึง 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Sonic The Hedgehog 2
ภาคต่อของภาพยนตร์จากเกมเม่นสายฟ้าอย่าง Sonic The Hedgehodg 2 กำลังจะชนโรงในเดือนเมษายนนี้ แถมกระแสของหนังเรื่องนี้ก็มาแรงไม่ใช่น้อย เพราะอานิสงส์จากภาคแรกที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ด้วยการกวาดยอดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีเหตุการณ์สำคัญจากเรื่องที่สตูดิโอหนังยอมเลื่อนวันฉายภาคแรก เพื่อเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาอันน่าเกลียดน่ากลัวของนาย Sonic เวอร์ชันแรก ให้กลายเป็นเวอร์ชันที่ถอดออกมาจากเกมแบบที่แฟนๆ ชื่นชอบ (ไม่งั้นหนังเจ๊งชัวร์)
Mario
ในช่วงปลายปี 2022 เราอาจจะได้เห็นช่างซ่อมท่อโหม่งเห็ดคลาสสิกอย่างนาย Mario ในเวอร์ชันหนังแอนิเมชันกันซะด้วย ซึ่งในเวอร์ชันนี้ยังได้พลังซุปเปอร์สตาร์จากดาวตลกสุดฮอต Chris Pratt มารับบทเป็น Mario และน้องนางหน้าคม Anya Taylor-Joy มาเป็นเจ้าหญิงพีช
Borderlands
...
เป็นหนังอีกเรื่องที่สร้างจากเกมยิงสุดเกรียนที่อาจจะได้เข้าฉายในช่วงปลายปีนี้ ได้ซุปเปอร์สตาร์มากหน้าหลายตาทั้ง Cate Blanchett, Jack Black และ Jamie Lee Curtis มาร่วมแสดงเป็นเหล่าฮีโร่ Vault Hunter จากในเกม
ทีวีซีรีส์จากวิดีโอเกมจ่อคิวลงสตรีมมิงสารพัดเจ้า
นอกจากในโรงภาพยนตร์ ความฮิตของวิดีโอเกมเวอร์ชันคนแสดงยังลามมาลงสื่อจอแก้วอย่างทีวีซีรีส์กันด้วย ซึ่งในปีนี้ก็มีบริการสตรีมมิงมากมายหลายเจ้าที่ออกมาประกาศว่าจะมีซีรีส์จากเกมดัง เรื่องนี้คงต้องขอบคุณซีรีส์ The Witcher ใน NETFLIX ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ค่ายอื่นพากันทำตาม เพราะมันดังเป็นพลุแตกทั้งในหมู่คนทั่วไปและเกมเมอร์ ถึงจะบอกว่าจริงๆ แล้วมันดัดแปลงมาจากนิยายดาร์คแฟนตาซีของโปแลนด์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้แน่ๆ ว่าสื่อที่สร้างชื่อให้ Witcher โด่งดังไปทั่วโลกคือไตรภาควิดีโอเกม The Witcher ของทีมพัฒนาเกม CD Projekt RED อย่างไม่ต้องสงสัย
Halo
...
ทีวีซีรีส์จากเกมดังที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดก็คือเรื่อง Halo จากสตรีมมิง Paramount+ ซีรีส์ที่อิงจากเกมเดินหน้ายิงสุดฮิตของฝั่งมะกัน และโดนโรคเลื่อนมาเนิ่นนาน จนในที่สุดก็สามารถปิดโปรดักชันและเล่าเรื่องราวบทใหม่ของยอดทหารอวกาศอย่าง Master Chief ในศึกปะทะเอเลี่ยน ถึงแม้เสียงวิจารณ์จากสื่อจะออกมาไม่ค่อยสวยหรู แต่ก็ต้องยอมยกนิ้วให้เรื่องที่ซีรีส์ตัดสินใจเล่าเรื่องราวบทใหม่ของตัวเองหมดโดยไม่อิงกับเหตุการณ์ในเกม ในขณะเดียวกันก็ยังคงเก็บบรรยากาศของเกม Halo เอาไว้อย่างครบถ้วน
The Last of Us
ขณะที่ซีรีส์จากเกมดังอย่าง The Last of Us ของค่าย PlayStation ที่ตอนแรกหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอบน HBO ในปีนี้ กลับโดนเลื่อนไปฉายปี 2023 เรื่องนี้ถือเป็น Live Action จากเกมที่น่าจับตามองที่สุดแล้ว ทั้งจากเนื้อหาในเกมที่มีเนื้อเรื่องกระแทกใจจนคว้ารางวัลจากแทบทุกสถาบัน เล่าเรื่องราวดราม่ากระแทกใจของตัวละครที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกอันโหดร้ายทั้งจากมนุษย์ด้วยกันและจากมนุษย์กลายพันธ์ุ (ที่สำคัญเกมยังน่ากลัวโคตร) ซึ่งโปรเจกต์นี้ยังได้ทีมงานมากพรสวรรค์มาร่วมงาน ได้รับการกำกับโดยผู้กำกับซีรีส์ดราม่าชั้นเยี่ยมอย่าง Chernobyl ได้มือเขียนบทคนเดิมจากเวอร์ชันเกมมาเป็นโปรดิวเซอร์ และยังได้พระเอกซีรีส์ Mandalorian อย่าง Pedro Pascal มารับบทนักแสดงนำอีกด้วย ก็ได้แต่หวังว่าทีมงานจะปั้นเรื่องราวออกมาได้ดีตามความคาดหมาย เพราะความคาดหวังจากเกมเมอร์ในซีรีส์เรื่องนี้สูงทะลุเพดานบินมากๆ และที่สำคัญกว่าคือไม่ให้โดนโรคเลื่อนอีกรอบ
...
God of War
นอกจาก 2 เรื่องที่กล่าวไปแล้ว ด้านสตรีมมิงรายใหญ่อย่าง Amazon Prime Video ก็ออกมาประกาศว่ามีโปรเจกต์จะสร้างทีวีซีรีส์จากเกมฟอร์มยักษ์เหมือนกัน ซึ่งคราวนี้เขาตัดสินใจหยิบเกมแอ็กชันเลือดสาดกับตำนานเทพนอร์สอย่าง God of War ภาคปี 2018 ที่ทั้งดราม่าและเถื่อนดิบกว่าหนัง Thor ในเวอร์ชัน Marvel เป็นไหนๆ ทั้งนี้ Amazon ตัดสินใจขนผู้กำกับและทีมงานจากบรรดาซีรีส์ดังของตัวเองมาลงกับโปรเจกต์นี้อย่างเต็มตัว เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวเพื่อรับประกันให้ออกมาปังแน่ๆ แต่ใครเป็นแฟนเกมนี้ก็คงต้องรอไปยาวๆ เพราะตอนนี้ตัวซีรีส์ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำด้วยซ้ำ
หรือประวัติศาสตร์หนังจากเกมอันชอกช้ำจะเปลี่ยนไป
เทรนด์เรื่องหนังและทีวีซีรีส์ดัดแปลงจากเกมดังมีประวัติมาเนิ่นนาน โดยเริ่มเป็นกระแสจริงๆ ก็ตั้งแต่ตอนที่หนังห่วยแต่ดันกลายเป็นหนังคัลท์อย่าง Street Fighter และ Mortal Kombat ออกฉายในยุค 90 นี่แหละ หลังจากนั้นก็มีพาเหรดหนังทุนต่ำที่ทำจากเกมแห่ออกมามากมาย ทั้งหนังชุด Resident Evil จากผู้กำกับ Paul W.S. Anderson ที่ออกมาถึง 6 ภาค Tomb Raider เวอร์ชันแองจี้ และหนังสุดห่วยจากผู้กำกับชื่อเสีย Uwe Boll ที่ขยันเอาแฟรนไชส์เกมดังมาปู้ยี่ปู้ยำเป็นหนังเกรดบีห่วยๆ ซะเหลือเกิน เช่น Alone In The Dark, FAR CRY และ BloodRayne เรียกว่าสถานการณ์ในยุคนี้ดูไม่ดีเท่าไร เพราะนอกจากหนังจะไม่สนุก ยังแทบจะไม่มีอะไรเหมือนเวอร์ชันเกมเลยด้วยซ้ำ ประมาณว่าทำออกมาแค่กะจะโกยเงินจากฐานแฟนลูกเดียว
โชคยังดีที่ช่วงหลังภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมเริ่มเดินถูกที่ถูกทางมากขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของโปรดักชันที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากเรื่อง Warcraft หรือ Assassin Creed ซึ่งสาเหตุที่ช่วงหลังหนังจากเกมได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็น่าจะเป็นเพราะฐานคนเล่นเกมทั่วโลกมีมากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า คนรุ่นใหม่ก็โตมาพร้อมกับสื่อเกมเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งวิดีโอเกมยังได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Pop Culture ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงช่วงหลังภาพยนตร์หรือทีวีซีรีส์ที่ถอดออกมาจากวิดีโอเกมจะเริ่มมีคุณภาพ มีความสนุกและเคารพไอเดียดั้งเดิมจากซีรีส์เกมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์ที่สนุกดีมีคุณภาพที่สุดก็ยังไม่ใช่หนังที่ถอดออกมาจากเกมโดยตรงอยู่ดี กลับเป็นหนังที่พูดถึงวัฒนธรรมวิดีโอเกมในภาพรวมมากกว่า เช่น Wreck-It-Ralph, Ready Player One หรือ Free Guy นั่นก็เพราะภาพยนตร์เหล่านี้มีเรื่องของตัวเองที่ต้องการจะเล่าจริงๆ มีแก่นของเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือมันมีดีในตัวของมันเองโดยไม่ต้องพึ่งใบบุญจากชื่อเสียงของซีรีส์เกมเพื่อให้คนอยากไปดู ซึ่งเราหวังว่าอีกไม่นานหนังจากเกมจะไปได้ถึงระดับนั้นมั่งนะ
ที่มา: