12 ปีก่อน "เสียวหมี่" ถือกำเนิดขึ้นในฐานะสตาร์ทอัพน้องใหม่สัญชาติจีน ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองหรือ MIUI และนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟนในแบรนด์ "เสียวหมี่" หลังจากนั้นเสียวหมี่ก็เริ่มเดินเกมทำตลาดกว่า 100 ประเทศทั่วโลกด้วยนวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เด่นๆ ในราคาที่เป็นจริง จนทำให้ทั่วโลกเริ่มรู้จักแบรนด์และมีตำแหน่งในตลาดโลกเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ติดอันดับหนึ่งของสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่คิดจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2021 (ตามข้อมูลล่าสุดจากการรายงานของ Canalys)
หนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของ "เสียวหมี่" ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งนั่นก็คือ “Redmi Note Series” ที่ได้รับฉายาให้เป็น ‘King of mid-range smartphone’ ซึ่งจุดเด่นของ Redmi Note Series คือ การนำเทคโนโลยีใน Flagship smartphone มาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม เสียวหมี่ได้เดินหน้าเปิดตัว Redmi Note Series ในทุกๆ ปี โดยปีที่แล้วได้เปิดตัว "Redmi Note 10 Series" ซึ่งยกระดับมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนขนาดกลางที่มุ่งตอบทุกโจทย์ความต้องการ ทั้งเรื่องของกล้อง จอแสดงผล แบตเตอรี่ ฯลฯ ทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการใช้งานยาวนานต่อเนื่อง เหมาะกับการทำงานและกิจกรรมหลากหลายสำหรับชีวิตวิถีใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น และยังเป็นการรองรับการมาถึงของ 5G ในไทยอย่างเต็มรูปแบบ
ล่าสุด ในปี 2022 นี้ เสียวหมี่ เปิดตัว “Redmi Note 11 Series” ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ "Rise to the challenge" หรือ "ก้าวสู่ความท้าทาย" ซึ่ง "Redmi Note 11 Series" มาพร้อมกันทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
⦁ Redmi Note 11 Pro 5G โดดเด่นด้วยกล้องความชัดระดับโปร โดยมีกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 108MP เลนส์อัลตราไวด์ 8MP และเลนส์มาโคร 2MP แถมไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน เพราะด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ช่วยรองรับการใช้งานของคุณได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าจอ AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตได้สูงถึง 120Hz ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon® 695 ซึ่งรองรับการใช้งาน 5G อีกด้วย เปิดตัวในราคา 10,990 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Polar White, Graphite Gray และ Atlantic Blue

⦁ Redmi Note 11 Pro มีจุดเด่นคล้ายกับ Redmi Note 11 Pro 5G เช่น เรื่องเทคโนโลยีชาร์จไว 67W turbo charging ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh และเรื่องหน้าจอ AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตได้สูงถึง 120Hz แต่ต่างกันตรงเรื่องของกล้องและชิปเซตประมวลผล โดย Redmi Note 11 Pro มีกล้องหลังถึง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 108MP เลนส์อัลตราไวด์ 8MP เลนส์มาโคร 2MP และเซนเซอร์ความลึก 2MP และขับเคลื่อนด้วยชิปเซต MediaTek Helio G96 หน่วยประมวลผลแบบ Octa-core เปิดตัวในราคา 8,999 บาท มี 3 สีให้เลือก Polar White, Graphite Gray และ Star Blue

⦁ Redmi Note 11S ก็ให้กล้องความชัดระดับโปรเช่นกัน โดยมีกล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 108MP เลนส์อัลตราไวด์ 8MP เลนส์มาโคร 2MP และเซนเซอร์ความลึก 2MP สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่มาพร้อมระบบชาร์จ 33W Pro Fast Charging และให้คุณใช้งานหน้าจออย่างลื่นไหลด้วยหน้าจอแบบ AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตได้สูงถึง 90Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซตจาก MediaTek Helio G96 วางจำหน่ายในราคา 8,299 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ Pearl White, Graphite Gray และ Twilight Blue

⦁ Redmi Note 11 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 680 และใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ที่รองรับ 33W Pro Fast Charging และใช้หน้าจออย่างลื่นไหลด้วยหน้าจอแบบ AMOLED DotDisplay ความชัดระดับ FHD+ ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตได้สูงถึง 90Hz มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 50MP เลนส์อัลตราไวด์ 8MP เลนส์มาโคร 2MP และเซนเซอร์ความลึก 2MP วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 6,299 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ Star Blue, Twilight Blue และ Graphite Gray.
