วิธีการเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร ถือเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อจะได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพโทรศัพท์มาหลอกให้โอนเงิน หรือส่ง SMS มาก่อกวนนั่นเอง บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์จึงรวบรวมวิธีง่ายๆ สำหรับเช็กเบอร์หลอกลวงมาฝากกัน 

วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ของแต่ละเครือข่ายมือถือ

ในปัจจุบัน เครือข่ายโทรศัพท์มือถือกำหนดให้ผู้ใช้ซิมโทรศัพท์ ลงทะเบียนชื่อ-นามสกุล เพื่อยืนยันตัวตน หากมีเบอร์ต้องสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพโทรมาก่อกวน สามารถเช็กเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยว่าเป็นของเครือข่ายไหน หลังจากนั้นก็ให้ติดต่อศูนย์ Call Center ของเครือข่ายมือถือ เพื่อแจ้งข้อมูลเบอร์หลอกลวงไว้ได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • เช็กเบอร์ AIS
    กด *727*เบอร์โทรศัพท์# กดโทรออก
  • เช็กเบอร์ DTAC
    กด *102*เบอร์โทรศัพท์# กดโทรออก
  • เช็กเบอร์ TRUE
    กด *933*เบอร์โทรศัพท์# กดโทรออก
  • เช็กเบอร์ TOT
    กด *153*เบอร์โทรศัพท์# กดโทรออก

...

5 วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร เช็คเบอร์ใครโทรมา ป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง

เมื่อมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทรเข้ามาหา หรือส่ง SMS พร้อมแนบลิงก์ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เรายังไม่ได้รับสาย หรือเมื่อรับสายแล้ว พบว่าปลายสายหลอกถามข้อมูลส่วนตัวของเรา ในเบื้องต้นสามารถเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใครผ่านวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 

1. ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ผ่าน Google
วิธีง่ายๆ สำหรับการเช็กเบอร์โทรศัพท์ต้องสงสัย ให้นำเบอร์นั้นไปค้นหาในเว็บไซต์ Google หากเป็นเบอร์มิจฉาชีพที่เคยมีประวัติหลอกลวงผู้อื่น เราก็อาจพบข้อมูลที่ผู้เสียหายได้โพสต์เตือนภัยผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ไว้ได้

2. ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ผ่าน Facebook
เฟซบุ๊ก ก็เป็นอีกช่องทางโซเชียลมีเดียที่เราสามารถนำเบอร์โทรแปลกๆ ไปสืบค้นผ่านช่องค้นหา (Search) ได้เช่นกัน หากเป็นเบอร์ที่เคยมีประวัติหลอกลวง เราอาจพบเห็นได้ตามเฟซบุ๊กกลุ่มขายของ ที่มีผู้เสียหายโพสต์เตือนภัยไว้

3. ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ผ่าน Line
ปกติเราจะใช้ไลน์ในการเพิ่มเพื่อน (Add Friend) ผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถใช้วิธีดังกล่าวค้นหาเบอร์โทรแปลกๆ ได้เช่นกัน แต่จะค้นหาเจอแค่ในกรณีที่หมายเลขดังกล่าวได้ลงทะเบียนไลน์ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือเท่านั้น

4. ติดตั้งแอปพลิเคชัน Whoscall
Whoscall คือแอปฯ ที่รวบรวบฐานข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ไว้ราว 1 พันล้านเบอร์ มีผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 70 ล้านครั้ง

โดยมีการระบุเบอร์โทรของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงเบอร์มิจฉาชีพ เบอร์ขายประกัน เบอร์ขายสินเชื่อ ซึ่งเมื่อเบอร์เหล่านี้โทรเข้ามา แอปฯ จะดึงข้อมูลมาแจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือของเรา ทำให้เราสามารถเลือกที่จะไม่รับสาย หรือบล็อกเบอร์หลอกลวงเหล่านั้นได้

นอกจากนี้ Whoscall ยังมีฟังก์ชันให้ผู้ใช้ช่วยกันเพิ่มข้อมูล ว่าเบอร์โทรศัพท์นั้นเป็นของใครได้อีกด้วย เช่น เบอร์ขนส่ง เบอร์หลอกลวง ฯลฯ สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ทั้งสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android 

5. ตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Blacklistseller
เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, หมายเลขบัตรประชาชน, เลขบัญชีธนาคาร ของมิจฉาชีพไว้ เพื่อให้เราตรวจสอบข้อมูลก่อนจะโอนเงินซื้อสินค้า หรือหลงเชื่อข้อมูลเท็จจากเบอร์หลอกลวงต่างๆ เพียงเข้าเว็บไซต์ www.blacklistseller.com หลังจากนั้นเลือกแถบเมนู "ตรวจสอบบัญชี/ผู้ขาย" แล้วพิมพ์ข้อมูลของผู้ต้องสงสัยได้เลย โดยเราสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลเพื่อแจ้งเบาะแสได้อีกด้วย

วิธีสังเกตเบอร์มิจฉาชีพ พร้อมแจ้งเบาะแสเบอร์หลอกลวง

  • เบอร์โทรแปลกๆ อ้างว่าเป็นหน่วยงานต่างๆ โทรติดต่อมาเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, หมายเลขบัญชีธนาคาร, หมายเลขบนบัตร ATM หรือรหัสกดบัตร ATM ไม่ควรให้เด็ดขาด จำไว้ว่าไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวกับใครง่ายๆ

...

  • หากเราไม่ได้มีธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกันชีวิต บริษัทสินเชื่อกู้ยืมต่างๆ ควรปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนตัว แล้วหลังจากนั้นสามารถโทรสอบถามเบอร์ Call Center เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทีก็ได้
  • กรณีมี SMS ส่งมายังเบอร์ของเรา โดยไม่ทราบผู้ส่ง ไม่ทราบแหล่งที่มา เป็นข้อความโฆษณาเกินจริง แนบลิงก์ชื่อเว็บไซต์น่าสงสัย โดยที่เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับธุรกรรมนั้น ให้กดบล็อกเบอร์ ห้ามกดเข้าไปยังลิงก์ เพราะอาจเป็นการหลอกล่อเอาข้อมูลส่วนตัวก็ได้


สุดท้ายนี้ เมื่อทำการเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใครได้แล้ว พบว่าเป็นเบอร์หลอกลวงจริง ก็สามารถรวบรวมหลักฐานลิงก์ต้องสงสัย และเบอร์โทรมิจฉาชีพ เพื่อแจ้งร้องเรียน ผ่าน Call Center ของสำนักงาน กสทช. โทร 1200 (โทรฟรี) หรือแจ้งเบาะแสออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ที่  https://tcsd.go.th/แจ้งเบาะแส